บรรยากาศบนยนต์หรูที่เคลื่อนตัวอยู่บนถนนใหญ่ใจกลางกรุงโซลท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น
ผู้คนสองข้างทางเดินควักไขว้ไปมา ยิ่งใกล้ยามค่ำเมื่อไร
ผู้คนก็ยิ่งออกมาเดินท่องเที่ยวยามค่ำคืนมากขึ้น
ผู้ที่มองดูบรรยากาศภายนอกอย่างเงียบๆ กำนั่งคิดถึงบางอย่าง
บางสิ่งที่ตัวเองคาดหวังไว้ลึกๆ
ทั้งๆที่ ก็คิดไว้อยู่แล้ว
รู้อยู่แล้ว
ว่าไม่มีทาง
แต่ในใจลึกๆ ก็ยังคงคาดหวัง
ให้มันเป็นอย่างที่ใจต้องการ
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นดัง
ที่หวังไว้
มัน…….
บรรยากาศภายนอกรถยนต์ที่เคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆจาการจราจรที่ติดขัดทำให้เห็นผู้คนที่เดินอยู่สองข้างทางชัดเจนที่
ต่างเดินยิ้มแย้มแจ่มใส่กับคนข้างกาย
บ้างก็กำลังยิ้มให้กับเครื่องมือสื่อสารที่ติดต่อกับคนที่อยู่ห่างไกลเพื่อคลายความโดเดี่ยวจากชั่วเวลาเหงาที่ต้องห่างไกลกัน
บางก็กำลังอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวจากการใส่หูฟังเดินตามทาง
แม้พวกเขาจะไม่ได้ยินสิ่งอื่นรอบตัวแต่นั้นก็ช่วงเวลาแห่งความสุขเล็กน้อยๆสหรับการเดินทางเพียงคนเดียว
ทัศนียภาพด้านหน้ามันอดชวนคิดได้ว่ามันพงจะดีไม่ใช่น้อยถ้าเราได้เดินจับมือกับใครสักคนแบบนี้
ใครสักคนที่อยู่ข้างกายที่พร้อมให้กลับไปหาพร้อมที่จะยืนเคียงข้าง
ไม่ต้องกลัวว่าอีกฝ่ายจะคาดหวังผลประโยชน์อะไร ไม่ต้องหวาดระแวงรอบกายในจิตใจ
ไม่ต้องปั้นหน้าไร้ความรู้สึกทั้งที่ตัวเองนั้นอยากจะแสดงความรู้สึกนั้นออกมาเหลือเกิน
มีเพียงสายตาและความรู้สึกที่ให้กันและกัน
เพียงแค่นี้ก็อุ่นใจ
ฟังแล้วมันชั่งรู้สึกว่าโลกนี้นั้นสวยงามเสียจริงมันมีความสุขจนล้นเออ่ออกมา
แต่ว่านะ
มันไม่ใช่
สำหรับโลกมาเฟีย
ที่จะไว้ใจคนข้างกาย
ไม่หวาดระแวงกับสิ่งที่ผ่านมา ไม่ต้องเก็บความรู้สึกในจิตใจ
ไม่ต้องกลัวว่าววันใดวันหนึ่งคนสนิทที่อยู่ข้างกายจะ
เปลี่ยนจาก
สหายกลับกลายเป็น
ศัตรู
บรรยากาศยามค่ำคืนใจกลางกรุงโซลแสดงไฟที่เปิดสาดส่องสว่างออกมาระหยิบระยับเหมือนราวกับผู้คนต่างๆนั้นได้ช่วยกันสันสร้างมันขึ้นมาจนกายเปิดผลงานศิลปะชั้นเยี่ยมเลยที่เดียว
และหากมองจากกระจกบานใหญ่มุมสูงนี้ด้วยแล้วมันช่างดูสวยงามเหลือเกินหากแต่กระนั้น
ร่างบางอันเปลือยเปล่าที่กำลังทอดมองบรรยากาศสวยงามยามค่ำคืนในอ่างจากูซซี่ขนาดใหญ่
ที่มีเพียงกองฟองสระบู่เติมอ่างเท่านั้นที่ปกปิดร่างอันเปลือยเปล่าเอาไว้
กำลังนั่งหน้านิ่งไม่ยินดียินร้ายกับภาพบรรยากาศตรงหน้าที่นักออกแบบภายในบรรจงตั้งใจออกแบบให้เห็นบรรยากาศเพื่อให้ผู้เข้ามาอยู่นั้นได้
ได้รู้สึกเพลินดื่มด่ำไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนอันสวยงาม
หากแต่ร่างบางนั้นยังมองออกไปอย่างไร้จุดมุ่งหมาย และยังคงนิ่งอยู่อย่างนั้น
จำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ
ร่างบางนึกถึงคำพูดของแจบอมอีกครั้ง
แล้วถ้าบอกว่าจำได้ละ จะ
เชื่อหรือเปล่า
หลังจากที่แจบอมคิดและตอบแทนร่างบาง
ที่คิดเออเองนั้น
เขาคนนั้นก็หันหลังกลับอย่างรวดเร็วและไม่รอฟังอะไรอีกเลย
ทำไมถึงหันกลับรวดเร็วขนาดนั้น
มันรู้สึกเหมือนกับไร้เยื่อใย
คำพูดที่ร่างบางตั้งใจจะพูดออกไป กับกลืนหายไปกับคำพูดของคนอื่น
ทำไมถึงไม่รอฟังสักหน่อย
ทำไมถึงหันหลังกลับไปแบบนั้น
แล้วทำไมเราถึงช้าได้อย่างนั้นได้
“ นายเป็นอะไรไปเนี่ยแบมแบม ”
ร่างบางเสียงถอนหายใจให้กับตัวเอง ที่ไม่เข้าใจกับความรู้สึกที่เกิดขึ้น
นึกถึงเขาที่ไร รู้สึกฟุ้งซานทุกที
ครืน ครืนเสียงโทรศัพท์ที่วาอยู่บนชั้นข้างอ่าง
เรียกสายตาให้หันไปสนใจ
ยูคยอม เมื่อเห็นว่าปลายสายคือเพื่อนรัก
จึงตัดสินใจเปิดลำโพงรับสายทันที
“ ว่าอย่างไร กันต์พิมุกชิ กับคืนแรกในเกาหลี ”
“ เหนื่อยสุดๆ ” ร่างตอบแบบเหนื่อย
“ ฮ่าๆ อะไรแค่นี้เอง หรือว่าเหนื่อยเพราะที่ต้องเจอคุณอามาร์ค
คนนั้น” ยูคยอมเอยแซว แน่นอน ยูคยอมเป็นเพื่อนสนิทของแบมแบม
ไม่พลลาดแน่นอนที่แบมแบมจะไม่เล่าให้ฟัง
จากความฟุ้งซานอย่างไม่เข้าใจและการคาดหวังที่ไม่เป็นความจริง
สู่อีกบรรยากาศหนึ่ง แจ๊คสันที่ตอนนี้กำลังยิ้มอยู่คนเดียวในห้องประชุมขนาดใหญ่ท่ามกลางลูกมากมายที่มาร่วมประชุมกันถึงแนวโน้มของหวัง
กรุ๊ป
รอยยิ้มที่ยิ้มออกมาอย่างปิดไม่มิดในขนาดที่ลูกน้องกำลังรายงานผลการดำเนินงานตามนโยบายของ
ท่านประธาน แห่ง หวังกรุ๊ป
จินฝูที่นั่งตรงข้ามแจ๊คสันที่นั่งอยู่หัวโต๊ะการประชุมรอบมองเจ้านายของตัวเองอย่างเหนื่อยใจ
ให้ตาย จะเก็บอารมณ์ให้เป็นสักหน่อยได้ไหม
รอยยิ้มเบิกบานสำหรับคำนั้นมันอาจจะดูน่ารักเหลือเกิน
แต่สำหรับลูกน้องอย่างพวกเขาตอนนี้แทบจะขาดใจตาย
เจ้านายพวกเขา
กำลังยิ้ม
มันสยองชัดๆ ร้อยวันพันปีพวกเขาแทบจะไม่เคยเห็นนายของพวกเขายิ้มเลย
ถ้าไม่ใช่……….วันนี้เจ้านายเขาจะสั่งเก็บใครสักคน
แล้วมันก็ไม่ใช่รอยยิ้มแบบนี้ด้วย
แบบนี้มันน่ารักเกินไปแล้ว !
แล้วใครสักคน คือใครละ ใครที่วันนี้เจ้านายของพวกเขาจะสั่งเก็บกัน
พวกเขาเหรอ
ไม่นะ
ความคิดที่ก้าวไกลอันไร้ขีดจำกัดของเหล่าบรรดาลูกน้องทั้งหลายที่นั่งหน้าซีดอกสั่นขวัญแขวนยังคงดำเนินก้าวไกลต่อไป
ในขนาดที่แจ๊คสันยังคง
ยิ้มต่อไป
น่าสงสารจริงๆเพราะทั้งชีวิตเจอแต่เรื่องน่าสะพรึงกลัวจนเป็นเรื่องปกติ
พอเจอเรื่องอะไรน่ารักเข้าหน่อยก็เลยเกิดอาการสะดีดสะดิ่งรับไม่ได้
“ มะ มี พะ พะ
เพียงเท่านี้ครับ ” น้ำเสียงที่ตระกุตะกะ
ของหนึ่งในลูกน้องคนหนึ่งที่พูดจบการรายงาน ในที่สุดก็จบการประชุม
ที่ไม่ต่างอะไรกับสมรภูมิรบ
ลูกน้องต่างก้าวเดินออกไป อย่างไร้เรี่ยวแรงพานนึกใจ
ว่าขอบคุณที่วันนี้เขายังมีชีวิตอยู่
แทบอยากจะบวชกันเลยทีเดียวเชียวเริ่มรู้ซึ้งในพระธรรมแล้วสิ
ว่าเวลาเฉียดตายมันเป็นเช่นไร
แจ๊คสันและจินฝูที่เดินออกมาทีหลังกำลังเดินไปที่ลิฟผู้บริหาร
แจ๊คสันก็ยังยิ้มอยู่ต่อไป
ดูเหมือนจินฝูเริ่มหมดความอดทนกับความสติหลุดของเจ้านายเขาเติมที
“ คุณแจ๊คสันครับ ”
“ ว่าไงจินฝู ” แจ๊คสันตอบอย่างอารมณ์ดี
“ ช่วยเก็บอารมณ์หน่อยได้ไหมครับ ”
“ เก็บอารมณ์ ” แจ๊คสันทบทวน อย่างไม่เข้าใจ
“ ครับ ”
“ ไม่รู้ตัวเลยหรือ ครับ
ว่าวันนี้คุณเกือบทำคนอื่นหัวใจวายเพราะคุณ ”
“ ฮะ ! ”
ไม่รู้ตัวเลยสินะ
เขาละเหนื่อยใจจริงๆ
กลับการหลุดลอยแบบนี้
แน่ละ
การที่เจ้านายเขาหลุดมาดได้ขนาดนี้ก็มีอยู่อย่างเดียว
กำลังคิดถึงใครบางคน
ใครบางคนที่แจ๊คสันอยากเจอกับเขา
อีกสักครั้ง
และอีกครั้ง
ที่จินฝูต้องเป็นคนช่วย
เพราะ มาดที่ดูโหดร้าย
จริงจังจนดูน่ากลัว
พออยากจะมาแบ๊วกับเขาหน่อย
มันก็เลยเป็นเรื่องยาก
ย้อนกลับไป หลังส่งแบมแบมขึ้นเครื่อง
แจ๊คสันนั่งกินข้าวอยู่ห้องอาหารอย่างเงียบๆ
มันเงียบ
เงียบ
และ ก็เงียบ
กิ๊ก
“ โว้ยยย ” แจ๊คสันที่ตะโกนอย่างเหลืออด
พร้อมกับวางตะเกียบบนชามข้าวอย่างเหลืออด
แจ๊คจะไม่ทน
ทำไมแจ๊คต้องทน
กับ ความเงียบแบบนี้
ทำไม
“ เหงาโว้ย ”
เสียงที่ตะโกนออกไปสุดเสียงอย่างบ้าระห่ำเป็นการระบายถึงความรู้สึกเหลืออดเหลือทนของเขา
ที่ขาดลง
นี่หลานเขาพึ่งขึ้นเครื่องไปเองนะ
พึ่งไปเมื่อตะกี้ได้มั้งแล้วทำไมเขาถึงได้เหงาขนาดนี้ โต๊ะกินข้าวที่ทอดยาว 20
ที่นั่ง ที่ซึ้งตอนนี้แจ๊คสันหวังกำลังนั่งกินข้าวอย่างที่หัวโต๊ะ
เพียงคนเดียว
โดย ลำพัง
คุณจะคิดยังไงละถ้าต้องนั่งกินข้าวในห้องอาหารขนาดใหญ่และโต๊ะกินข้าวที่ทอดยาวพอที่จะให้คุณนอนเล่นบนนั้นได้แทนที่จะนอนโซฟา
อยู่เพียงคนเดียว ท่ามกลางความเงียบ จนเผลอคิดไปเองเออเอเองว่า ตัวเรานั้นคือ
อากาศธาตุ
ใช่แจ๊คสันคิดอย่างนั้น เขามองไปรอบๆ มันใหญ่
ใช่มันใหญ่มาก แจ๊คสันเขาพึ่งจะรับรู้ก็วันนี้ละว่าห้องอาหารคฤหาสน์สกุลหวังมันใหญ่มโหฬาร
อย่างไร
มันเหงา
ใช่ กำลังเหงา เพราะกำลังคิดถึงหลานสาว เอ๊ย !
ไม่ๆ หลานชาย
เจ้าหญิงของอาแจ๊ค
เพราะ
ทุกมื้อกินข้าวต้องมีหนุ่มร่างบางแสนน่ารักที่เขามักมองเป็นหญิงสาว นั่งกินข้าวด้วยกันทุกวันเสียงแหบเล็กๆที่น่ารักมักจะมีเรื่องพุดคุยสนทนากับเขาทุกครั้งในทุกมื้อกินข้าวตามภาษาคนในครอบครัวเดียวกัน
แต่บัดนี้เสียงแหบเล็กที่เขาคิดถึงได้บินหนีจากเขาไปยังเกาหลีแล้ว
บรรยากาศที่แสนอบอุ่นอย่างที่เคยเป็นจึงเงียบสงบลงไปถนัดตา นี่มันคงเป็นบาปกรรมของเขาใช่ไหมที่เขาแกล้งส่งหลานเขาไปแบบนี้
บาป
ที่ต้องทนกับความเงียบที่แจ๊คสันไม่ชอบใจ
มันชักจะเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาแล้วสิ
แจ๊คสันอยากจะร้องไห้ออกมาเสียจริงๆ
เมื่อไรจะกลับมาเนี่ย
“ เจ้านาย/ เจ้านายๆ”
เสียงแหกปากตะโกนเรียกของเหล่าลูกน้อง ไม่ต่ำกว่า 50 คน
ที่วิ่งกรูบุกเข้ามาในห้องอาหาร
อย่างพร้อมใจ
อย่างอาวุธครบมือ
เพราะเสียงตะโกนเจ้านายที่ดังออกมาทำให้เหล่าลูกน้องทั้งหลายคิดว่ามีเรื่องอันตรายเกิดขึ้นแน่
จึงรีบยกอาวุธที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดไม่ว่า มีด ปืน ดาบ แม้แต่จอบ หมายจะคุ้มครองเจ้านายใหญ่ของตนให้พ้นอันตราย
แต่หารู้ความจริงไม่
ว่าเจ้านายของพวกเขาแค่ กำลัง
เหงาอยู่
เท่านั้นละ
เฮ้อ !
อะไร
แจ๊คสันที่กำลังอึ้งกิมกิกับการยกโขยงกันมาของลูกน้อง
พวกมันจะทำอะไร
แล้ว ไอ้มีด เสียม จอบ ดาบ มันคืออะไร
มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ
ไม่มี
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกแจ๊คถ้านายไม่ตะโกนออกไปแบบนั้นเพราะระบบรักษาความปลอดภัยที่เตรียมความพร้อมไว้สำหรับการบุกเสมอทำให้ไม่ว่าจะเสียงอะไรที่เข้ามาในโสดประสาทเหล่าลูกน้องจึงต้องยกอาวุธรอบตัวไว้ก่อน
“ ไม่มีอะไรหรอก แค่เจ้านายเราเขาเหงานะ ”
จินฝูที่เดินมาจากด้านหลังเหล่าลูกน้องเอยขึ้นออกมา
“ ฮะ เหงา”
เหล่าลูกน้องต่างตะโกนพ้อมกันอย่างพากเพียง
ไม่อยากจะเชื่อ เจ้านายของเขากำลัง เหงาละ
เห็นปกติคึกอยู่ตลอดเวลา
“ ทำไม ฉัน เหงาแล้วมันหนักหัวพวกนายไง ฮะ ” แจ๊คสันกล่าวอย่างเดือดดาน
หลังจากที่ลูกน้องของพวกเขาสายตาอย่างน่าสงสารมาให้
“ เดี่ยวก่อนนะ
ที่พวกนายยกโขยงแถมเอาอาวุธติดมือมาด้วย เพราะฉันตะโกนงั้นเหรอ ”
แจ๊คสันเริ่มสังเกตถึงการยกโขยงกันมาของลูกน้อง
“ ครับ ” เสียงที่เปล่งออกมาอย่างพร้อมเพียง
แจ๊ค ละซึ้งใจอยากจะร้องจริงๆ
ที่ลูกน้องเป็นหวงเป็นใยขนาดยกอาวุธกันมาหาเลยทีเดียวและ
ตอนนั้นเองก็มีลูกน้องคนหนึ่งกล่าวขึ้นมาเหมือนนึกอะไรได้ขึ้นมา
“ เออ นั้นสิ
เมื่อตอนวิ่งมาก็ได้ยินเจ้านายพูดว่า เหงา โว้ย ด้วย นินา ”
“ อ่อ แบบนี้นี่เองเพราะคุณหนูแบมแบม ไปต่างประเทศใช่ไหมครับ
นายถึงได้เหงาจนต้องตะโกนออกมา ”
“ โถ น่าสงสารจริงเหงามากสินะครับเจ้านาย ”
ลูกน้องอีกคนกล่าวเสริมตอนนี้ เหล่าลูกน้องที่ส่งสายตาอย่างเห็นอกเห็นใจ
อย่างสุดซึ้งมาที่แจ๊คสัน เขาละอยากจะถีบจริงๆ มันเหมือนเวลาที่เขาโอ้ แบมแบมเลย
มันวิเคราะห์ เหมือนเขาเป็นชีวิตสัตว์โลกงั้นละ
และหนึ่งในลูกน้องอีกคนด้านหลังกล่าวขึ้นมา
ดูเหมือนคนนี้พงผ่านอุปสรรคมาไม่น้อยรอยบาดแผลที่บากอยู่บนใบหน้าเป็นรูปกากบาทก็ตะโกนออกมา
“ ไม่เป็นไรครับเจ้านาย
ถ้าเจ้านายเหงาพวกเราจะนั่งเป็นเพื่อนเองครับ ”
“ ใช่ ครับถ้าเจ้านายเหงาเราจะนั่งเป็นเพื่อนเจ้านายตรงนี้ไม่ไปไหนครับ
” ลูกน้องอีกคนกล่าวอย่างเห็นด้วย
อืม
นั่งกินข้าวกับหน้าไอ้โหด 50 คน
พร้อมอาวุธครบมือใต้หลอดไฟนีออนในยามสนทยา
อืม โรแมนติกดี
ดีจนจะกินไม่ลงเลยทีเดียวเชียว
ให้ตายให้มานั่งกับพวกไอ้หน้าโหดไม่ต่ำกว่า 50
คน
พงจะกินลงอะนะ
แค่มองหน้าพวกมันก็จะกินไม่ลงละ
ด้วยน้ำเสียอย่างตั้งใจแรงกล้า
และทันใดนั้นเองเหล่าลูกน้องทั้งหลายก็พร้อมใจอาวุธขึ้นมา
“ เฮ้ / เฮ้ ”
เมื่อตะโกนออกมาสุดเสียงเหมือนเวลาที่กำลังอกรบและต้องการเรียกขวัญกำลังใจและทันใดนั้นเอง
เหล่าลูกน้องทั้งหลายก็นั่งลงกับพื้นอย่างตั้งมั่น แจ๊คสันบอกอย่างงง
ตกลงมันจะมานั่งเป็นเพื่อนหรือไปรบกันแน่
นั่งกินข้าวกับหน้าไอ้โหด 50 คน พร้อมอาวุธครบมือใต้หลอดไฟนีออนในยามสนทยา
มันใช่เหรอวะ
ให้ตายให้มานั่งดินข้าวกับพวกไอ้หน้าโหดไม่ต่ำกว่า
50 คน แถมใบหน้านี่ไม่ต้องพูดถึง
พงจะกินลงอะนะ
โปรดส่งใครมารักฉันทีอยู่ตรงนี้มันเหงาเกินไป
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นจากลูกน้องคนหนึ่งดังขึ้น
และแจ๊คสันจะไม่สนใจเลยถ้ามันไม่ได้ร้องแบบนี้
ถึงจะฟังภาษาไทยไม่ค่อยออกแต่ก็พอเข้าใจอยู่บ้าง
โปรดส่งใครมารักฉันทีอยู่ตรงนี้มันเหงาเกินไป
แจ๊คสันทบทวนอีกครั้ง
แล้วมันก็
จี๊ด
ตอนนี้แจ๊คสันอยากจะกระสวกไอ้ลูกน้องคนนั้นเหลือเกินบังอาจมาตั้งเสียงรอสายบาดใจเขาเนี่ย
แจ๊คสันที่แสดงสีหน้าที่แทบจะหมดความอดทนกับความบ้าของลูกน้องทั้งหลาย
แบมแบม อาแจ๊คขอโทษ
อาแจ๊คจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วอาแจ๊คสัญญา เพราะฉะนั้น รีบกลับมาหาแจ๊คเร็วๆ ได้โปรด
Plaseeeeeeeeeee
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังส่งจากสวรรค์เปล่งออกมา
“ ถ้าเหงาแบบนี้ทำไม
ไม่หาคนมานั่งกินด้วยละครับ ” จินฝู เอยขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน
แจ๊คสันหันไปมองหาจินฝู
“ ทำไม นายจะมานั่งกินด้วยหรือไง”
“ ผมพงมิบังอาจ แต่ถ้าคุณยองแจละไม่แน่นะครับ”
“ โอะ
” แจ๊คสันมองจินฝูด้วยสายตาเปล่งประกายราวกับว่าจินฝูนั่งคือผู้ดับความทุกข์ในใจของเขาที่มีสูงส่งอยู่ในขนาดนี้
“ มีอะไรหรือครับคุณแจ๊คสัน ”
จินฝูมองแจ๊คสันอย่างไม่เข้าใจ
“ นายคือผู้มาโปรดฉัน ”
จินฝูละอยากจะหยิบปืนมายิงหัวตัวเองจริง
บ้านนี้มีใครปกติบ้างไหม
เหมือนกันทั้งลูกพี่ลูกน้อง
ล้นจนเกินเนี่ย
บางทีคุณหนูแบม ควรจะกลีบมาโดยเร็ว เร็วมากได้ยิ่งดี
นี่แค่วันแรกยังนำพาวุ่นวายกันขนาดนี้แล้ววันอื่นละจะเป็นยังไง?
แค่คิด จินฝูก็เหนื่อยแล้ว
นี่ตกลง เขาสมัครมาเป็นลูกน้อง
หรือสมัครมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กเนี่ย แล้วหน้าตาเด็กแต่ละคน?
เห็นแล้วก็เหนื่อยใจแทน
พงต้องอดทนกันอีกนาน
แต่นะแจ๊คสัน
นายคิดส่งกระต่ายน้อยเข้าถ้ำเสือใหญ่อย่างเติมใจ
แล้วนายคิดหรือว่าเสือใหญ่จะยอมปล่อยกระต่ายน้อยผมขาวแสนน่ารักตัวนี้กลับออกมาง่ายๆ
นะ?
__________________________________________________________________________________
ภายใต้ตึกระฟ้าย่านธุรกิจใจกลางกรุงโซล
ชายหนุ่มดูภูมิฐานดูทรงอำนาจผู้เดินเข้ามาภายในตึกสูงระฟ้า
ใจกลางกรุงโซล
สายตาคมกริบที่นับตั้งแต่เก้าเท้าย่านเข้ามาในตึก บ่งบอกว่าเขาไม่ได้มีอารมณ์ล้อเล่นกับใคร
เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่อยากตายควรลี้เลี่ยงการสบตาที่จ้องมองไปข้างหน้าเสียจะดีกว่า
เหล่าพนักงานบริษัททั้งหลายต่างที่จะพร้อมใจ
เร่งงรีบลี้เลี่ยงให้กับเส้นทางการเดินโดยเร็วให้พร้อมก้มโค้งให้กับสายตาที่เข้มครึมทรงอำนาจคู่นั้น
เพราะพวกเขารู้ดีว่า ชายหนุ่มเจ้าสายตาเข้มครึมเจ้านายใหญ่ของพวกเขา กรรมการ
ประธานสูงสุด แห่ง J คอปเปอร์เรชั่น อิมแจบอม
ไม่ได้อยู่ในเวลาอารมณ์ดีอย่างที่เคยเป็น
ใช่
เพราะปกติแล้ว เขาเป็นที่ร่าเริงมากยังไงละอารมณ์ดีเป็นที่หนึ่ง
พนักงานต่างยิ้มอย่างอารมณ์ดีทุกครั้งเมื่อชายหนุ่มเดินกล่าวทักทายพวกเขาทุกคนตลอดเส้นทางการเข้าทำงานของพวกเขาเสมอโดยไม่ถือตัวสักแอ๊ะ
แต่สำหรับตอนนี้แล้วถ้าหากคุณคิดจะตอบโต้กับเขาแล้วนั้น
นั้นหมายความว่าวันนั้น
พวกคุณนั้นได้เตรียมจัดงานศพให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว
สายตาที่เข้มครึมทรงอำนาจพร้อมที่จะเชือดเฉือนทุกคนที่ขวาง
เขายังคงก้าวเดินต่อไปพร้อมกับเหล่าผู้ติดตามไม่ต่ำกว่าสิบคนที่เดินตามหลังโดยไม่สนใจสายตาที่ลี้เลี่ยงด้วยความหวั่นเกรงโดยรอบของพวกเขา
“ ให้ตายสิ เขาไปโกรธอะไรมาเนี่ย
”พวกต่างแทบจะเอามือปาดเหงื่อตัวเอง เพราะอะไรนะ เหรอ
ก็รังสีที่กดดันพวกเขายังไงละ มันแทบจะขาดใจตายกันเลยทีเดียว
“ นั้นสิ ตอนแรก
กะจะเข้าไปทักทายด้วยสักหน่อยแต่เห็นสีหน้าแบบนั้นแล้ว เบรกตัวเองแทบไม่ทันเลย
ให้ตายสิ ” เหล่าลูกน้องเริ่มจับกลุ่มนินทา ถึงความแปลกและ เหี้ยม
ของเจ้านายพวกเขากัน
“ ฉันละรู้สึกอายุลดไปสิบปีเลย น่ากลัวจริงๆเลย
คนๆนี้ ใครไปทำอะไรเขาไว้นะ? มันหาเรื่องตายชัดๆเลยจริงๆ ”
“ ใช่มัน แล้วไม่ใช้แค่มันหรอกนะที่หาเรื่องตาย
แต่มันยังลามมาถึงเราให้ตายตามมันด้วยนะสิ
เกือบหลีกให้แทบไม่ทัน ”
น่าสงสารจริงๆ
แต่ใครจะรู้บ้างไหมว่า
ความจริง
คนที่ทำกับเจ้านายของพวกเขานั้นจะ
ยิ่งใหญ่
กว่า
เจ้านายของพวกเขา
เยอะนัก
“ โอ๊ะ ซิ้ดดดด ”
ใบหน้าที่แสดงอาการเจ็บปวดอย่างปิดไม่มิด
พร้อมกับจำเอวที่แสนปวดกำลังพยามย่อตัวลงนั่งกับเก้าอี้ทำงานที่ราวกับเก้าอี้นี้นั้นมันนั่งลำบากเหลือเกิน
ก็แน่ละเก้าอี้นี้ไม่ใช่ใครๆจะนั่งได้นิ
เก้าอี้ท่านประธาน
“ คุณแจบอมค่อยๆ ครับ ” ลูกน้องที่คอยประครองเจ้านายนั่งลงเก้าอี้อย่างแพ่วเบา
แต่ไม่ว่าอย่างไรสำหรับเขามันก็ยังเจ็บปวดระบม โดยฉะเพราะ จุดสำคัญ อยู่ดี
ตอนนี้ความรู้สึกของแจบอมไม่มีอะไรอีกแล้วนอกจากความปวดระบมจาบทลงโทษสุดสยิวเมื่อยามค่ำคืนที่ผ่านมา
และ
ความอับอาย
อับอายเหลือเกิน
เกิดเป็นมาเฟียทั้งที
แต่กับเมียกลายเป็นได้แค่ลูกระจอก
ขัด ก็ไม่ได้
ฝืนก็ไม่ได้
แค่เจอสายตานั้นเข้าไปเขาสั่นทำอะไรไม่ถูกแล้ว
ไอ้ครั้นจะทำร้ายก็ทำร้ายทำไม่ลง
เหตุผลเหนืออื่นสิ่งใด
คือ
รักเมียลวดๆ
แต่ทำไมละ
ขอโทษก็แล้ว
อ้อนวอนก็แล้ว
ทำไมเมียถึงไม่เข้าใจผัวสักนิดเลย
“ โอ๊ะ
” ในที่สุดแจบอมก็ย่อตัวนั่งลงสำเร็จ
“ ขอบใจมากซองแจ ”
แจบอมกล่าวขอบใจลูกน้องที่ช่วยเหลือเขา ซองแจมองเจ้านายเขาอย่างน่าสงสาร
นี่นะหรือ มาเฟียที่เขาลำลือ
รอยยิ้มของปีศาจ
ที่เขาเฝ้าอยากทำงานด้วยมาตลอดจนในที่สุดเขาก็ได้รับความไว้วางใจให้มาทำงานร่วมกับนายใหญ่
แห่ง J คอปเปอเรชั่น
แต่พอมาเจอกับสิ่งที่เขาเห็นเขาเนี่ย
มันไม่ต่างอะไรกับ
ลูกหมาขาเดียงชัดๆ
แบบนี้มันใช่ ? เหรอ
หรือว่านี่คือวิถีวีชิตของมาเฟีย ?
ไม่หรอก นายของเขาออกจะยิ่งใหญ่ชื่อเสียงคับฟ้า
กับ อีแค่ เมีย หึ
นายของเขาไม่มีทางพลาดได้หรอก
เมียจะมาใหญ่กว่าผัวได้ไง ไม่มีทางสะละ ใช่แล้วเขาต้องคิดแบบนี้สิ
ใช่ นายเขายิ่งใหญ่
ซองแจ ดูเหมือนบางที นายอาจจะ ประสบการณ์ยังน้อยนัก
พึ่งเข้าทำงานละสิใช่ไหม ละ
แต่นะ
ซองแจ
จำไว้นะ
ว่ากฎอย่างหนึ่งของโลกมาเฟีย
ที่นายต้องจดจำเอาไว้เสมอ
อย่างมาก
มากๆ เลยด้วย
กฎ ข้อที่หนึ่งของโลกมาเฟียนั้นก็คือ
ภรรยาของเรายิ่งใหญ่กว่าเสมอ
กฎ ข้อที่สองของโลกมาเฟีย
ข้อนี้
มันง่ายมากถ้า
แค่นายยังรักชีวิตของนายอยู่
ต้องอย่าริ
คิดสู้เมีย
จำไว้นะ
_“ ทำไมเจ้านายไม่บอกคุณ จินยองละครับ ”
“ มันยังไม่ถึงเวลา ”
“ แต่เจ้านายกลับบ้านช้าบ่อยแบบนี้
แถมยังโดนแบบนี้อีก …..จะไหวเหรอครับ ”
ซองแจไม่พุดเปล่ายังเลื่อนสายมาที่มือของแจบอมที่กุมบั้นท้ายไว้ อย่างอนาถใจ
“ ไหวสิ วะ แค่นี้เอง ”
จากสามีผู้อดทนเพื่อภรรยาผู้ยิ่งใหญ่
ก็มาถึงปัญหาที่จินฝูต้องเข้ามาช่วยแก้ไขให้กับเจ้านายสุดล้นของเขา
“ ทำไมไม่โทรไปละครับ ” แจ๊คสันมองสลับไปมากับมือถือเรียบหรูที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานกับจินฝูลูกน้องคนสนิทของเขา(
รวบกับตำแหน่งที่ปรึกษาทางใจ )
“ ฉันเหรอ ” แจ๊คสันชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“ ครับ ” จินฝูตอบเสียงเรียบ
“ ฉัน …..ฉันทำไม่ได้ ”
แจ๊คสันตอบกับแบบสายตาเลกลักไปมา จินฝูหลับตาอย่างคุมสติ
บ้านนี้มีปัญหาทางอารมณ์สูงจริงๆ
ต้องทำแบบนี้สินะ
“ คุณแจ๊คสันครับ ”
แจ๊คสันเงยหน้ามองจินฝูอีกครั้ง
“ เอาอย่างนี้ดีไหมครับ ”
“ อะไรเหรอจินฝู ”
แจ๊คสันที่ตั้งใจรอฟังด้วยสายตาวาววับ
“ รองคิดว่า แล้วคุณแจ๊คสันเป็นพระเอกในซีรี่ ส่วนคุณยองแจก็เป็นนางเอกซีรี่ดูสิครับ
แล้วเล่นไปตามบทละครที่เขาทำกันและผมจะช่วยกำกับดูแลบทให้กับคุณแจ๊คสันกับคุณยองแจอีกทีดีไหมครับ ” แจ๊คสันมองจินฝูด้วยสายตาเปล่งประกาย
จะรอบรู้เรื่องทุกด้านจริงๆ
จินฝูรู้ดีว่าเจ้านายเจาเป็นยังไง
นอกจากจะเป็นจำพวกล้นเหลือแล้ว เจ้านายของเขายังเป็นพวกหลงตัวเอง ด้วย
“ WOW ! Impossible นายนี่ยอดเลยไม่เสียแรงที่
ฉันยอมเสียเวลาให้นั่งดูซี่รี่ทุกวันเนี่ย”จินฝูยิ้มอย่างภาคภูมิใจ หึ อย่างที่แจ๊คสันพูดไว้
เขานี่ละ
เจ้าพ่อซีรี่ตัวจริงเสียงจริง
เห็นหนุ่มมาดนิ่งแก้ปัญหาได้ทุกสถานการณ์ก็เถอะอย่างเขาก็เถอะ
แต่พอวางมาดแล้วเขาก็เป็นหนุ่มผู้คั่งซีรี่ไม่แพ้คู่หูดูซีรี่อย่างคุณหนู แบม
ของเขาหรอกนะ
เพราะบ่อยครั้งที่เขามักเห็นคุณหนูแสนน่ารักของเขาชอบใช้เวลาว่างนั่งดูซีรี่จนอดสงสัยไม่ได้ว่ามันสนุกตรงไหนทำไมคุณหนูของเขาชอบดูมันจัง
บางครั้งถึงกับร้องไห้กันเลยที่เดียว จึงรอมานั่งดูบาง
แล้วมันก็เป็นอย่างที่เห็น
แทบทุกวันถ้าเขามีเวลาว่างเขาและคุณหนูจะต้องนัดรวมตัวเพื่อมาลุ้นกับซีรี่หลังกินข้าว
และแน่นอน
คนอย่างแจ๊คสันไม่มีทางมาดูอะไรแบบนี้แน่ๆ
และเพราะอย่างนี้ไง จินฝู
ผู้ที่เป็นผู้เชียวชาญด้านซีรี่เกาหลี ถึงต้องเป็นผู้กำกับการแสดงให้
กับพระเอกของเรา
มันคือ
กระต่ายน้อย
ราชสีห์
กับ
งูใหญ่
ในที่สุดก็ถึงวันประชุมสำคัญ
เหล่าผู้บริหารจากที่ต่างๆมารวมตัวกันเพื่อประชุมหาลือถึงการลงทุนครั้งใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
โดยใช้ฐานการประชุมที่ปกติจะถูกจัดที่ สหรัฐอเมริกามาเป็นประเทศเกาหลีใต้แทน
ซึ้งครั้งนี้การประชุมได้ถูกจัดขึ้นที่J คอปเปอเรชั่น
หนึ่งหุ้นส่วนสำคัญของการลงทุนครั้งใหม่
ร่างบางที่มาพร้อมในชุดสูทสีดำตัดกับผมสีขาวก้าวเท้าเข้ามาในห้องรับรองอย่างสุขุม
วันนี้ร่างบางดูสุขมแตกต่างทุกวันที่ผ่านมา
สายตาที่อ่อนหวานบัดนี้นิ่งสงบราวกับเหยี่ยว
กำลังที่ไล่มองผู้เข้ารวมประชุมอย่างพิจารณาเก็บข้อมูล
เหล่าผู้บริหารผู้ใหญ่ที่ต่างยืนจับกลุ่มคุยภายในห้องรับรอง
เพื่อรอที่การประชุมจะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า
“ นั่นใคร ” เสียงหนึ่งในกลุ่มผู้บริหารอาวุโสเอยขึ้นมาท่ามกลางการสนทนาภายในกลุ่ม
เพราะบรรดาผู้บริหารที่ตบเท้าเข้ามาร่วมประชุมในวันนี้นั้นต่างเป็นผู้ที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีในหุ้นส่วนการลงทุน
พอเจอบุคคลที่แปลกตาและแตกต่างจึงอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ถึงผู้มาใหม่
“ นั้นสิ
ใครเอาเด็ก ที่ไหนเข้ามาในห้องรับรองผู้บริหารกันละเนี่ย ”
“ นั้นสิครับ นี่มันห้องรับรองของผู้บริหารนะ ”
สายตานับสิบคู่เริ่มจับจ้องผู้มาใหม่ที่ไม่เคยได้พบเจอกันมาก่อน
เพราะรูปร่างที่ดูอ่อนประสบการณ์ในสายตาผู้ใหญ่อาวุโสที่ดูมีประสบการณ์มากกว่า
ทำให้สายตาของเล่าผู้บริหารที่ส่งมายังร่างบางนั้น เติมมาด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
ราวกับว่าใครปล่อยให้ลูกหลานเข้ามาเล่นผิดที่ผิดทางอย่างไรอย่างนั้นละ
ดูเอาเถอะพวกที่ชอบตัดสินคนที่ภายนอก
ต่อให้เด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนเป็นเหมือนกันหมดทั้งสิ้น
คิดว่าร่างบางเป็นเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ที่เข้ามาห้องรับรองผู้บริหารสินะ
ชั่งคิดได้สั้นจริงๆ
หึ!
ร่างบางสมพัทธ์ได้ถึงสายตาตรงหน้า
แบมแบมค่อยก้มโค้งอย่างสุภาพเพื่อทำความเครพเหล่าผู้ใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ
“ สวัสดีครับ ผม กันต์พิมุก
ตัวแทนผู้บริหารจาก หวัง กรุ๊ป
ที่จะเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ครับ ” สีหน้าในเวลาพูดที่ดูมั่นใจ
คำพูดที่ฉะฉานเกินเด็กราวกับเป็นนักธุรกิจที่ผ่านประสบการณ์มากต่อมาก บุคคลที่แม้จะดูร่างบางค่อนไปทางผู้หญิงแต่คำพูดที่แสดงการแนะนำตัวที่ชัดเจนกับมาดหนุ่มนักธุรกิจ ทำให้เหล่าผู้บริหารต่างดูแปลกใจเล็กน้อย
“ อ่า นึกออกแล้ว ” เสียงร้องบางอ้อ
ของชายหนุ่มที่ดูจะหนุ่มที่สุดในบรรดา ผู้บริหารชุดสูทสีเงินดูทันสมัย
เอยขึ้นกลุ่มวงสนทนาพร้อมกับก้าวเดินออกยืนอยู่ตรงหน้า
ร่างบางที่ยืนอยู่ต่อหน้าทุกคน ร่างบางยืนประจันกับคนตรงหน้าสายตาที่เฉียดคมไล่เรียงมองร่างบางอย่างเล้าโรม
สายตาที่ต่างจ้องมองกันของแบมแบม
กับบุคคลตรงหน้า
ทำให้ร่างบางเริ่มรู้สึกสั่นเทาในจิตใจ
สายตาที่พิศมอง
เฉียดคมราวกับอสรพิษ
มันมองราวกับเขาเป็นผู้หญิงที่เที่ยวโปรยเสน่ห์ไปทั่ว
แทบจะทะลุทะลวงไปถึงข้างใน
เหมือนงูใหญ่ที่กำลังเลียเล้าโลมเหยื่อกระต่ายน้อยอันโอช่ะ
ราวกับกำลังจะถุกกลืนกิน
มันน่าและน่ารังเกียจขยะแขยง
แม้ร่างบางจะไม่พอใจ
แต่ไม่รู้ว่าอย่างไรทำไมร่างกายมันถึงขยับไม่ได้
ราวกับถูกพันธการด้วยสายตาของชายคู่นั้น
“
นี่คุณ มินจุน ครับ จาก จุนเค คอปปอเรชั่น
” หย้าหลุนเอยแนะนำ บุคคลตรงหน้าให้กับแบมแบม
ร่างบางที่หันไปมองคนด้านหลัง
สำหรับ ร่างบาง หย้าหลุน
เป็นเหมือนเป็นคนช่วยชีวิตร่างบางไว้จากพันธนาการ ทางสายตาที่น่ารังเกียจนี่
อันที่จริงมันไม่ใช่เพียงแต่ร่างบางที่รู้สึกเพียง หย้าหลุนเองก็เช่นกัน
เขารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ ไม่ธรรมดา
“ ยินดีที่ได้รู้จัก ” มินจุนยืนมือ
ออกไปเพื่อจะจับมือทักทายร่างบางตรงหน้า ร่างบางที่มองร่างสูงตรงหน้าเลื่อนมองมือ
ที่ยืนออกมา ร่างบางไม่อยากจับมือกับคนๆ
นี้เลย แต่ไอ้ครั้นปฎิเสธ ก็กลัวผู้คนจะกล่าวหาว่า คนสกุลหวังไร้มารยาท
“ ครับ ” ร่างบางตัดสินใจยืนมืออกไป ร่างบางไม่ได้อยากจับมือกับคนๆนี้หรอก
เพราะสายตาที่มองมันทำให้รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้น่าเสวนาด้วยเลย แต่เพราะร่างบางมาในฐานะคนของสกุลหวังเพื่อไม่ให้ตระกูลต้องเสียชื่อแล้วต่อให้ไม่อยากมองหน้าก็ตามก็ต้องมอง
“ ไม่คิดเลยว่าเวลาจะเลยไปเร็วขนาดนี้ เหมือนสวยแม่ ไม่มีผิด ”
มินจุนที่กำลังจับมือกับแบมแบมกำลังใช้นิ้วโป่งมือลูปไล่บนผิวมือของร่างบาง
พิจารณาเม็ดสีผิวที่เนียนระเลียดมืออ่อนนุ่มที่ไม่เคยผ่านงานใดๆ
ร่างบางที่รอบสังเกตุชายหนุ่มตรงหน้าชักจะหมดความอดทนกับพฤติกรรมชายตัวคนนี้แล้ว
ร่างบางมีความรู้สึกอยากจะชกคนตรงหน้าจริงๆ
เขากล้าดียังไงมองเขาราวกับผู้หญิงแบบนั้น
และ
ถึงเป็นผู้หญิงการมองด้วยสายตาแบบนี้
มันก็น่ารังเกียจ
“ ฉันเป็นเพื่อนเก่ากับพ่อของนาย
มันน่าเสียดายแทนเขาจริงๆ ที่ไม่ได้อยู่เลี้ยงดูลูกชายจนโตถึงขนาดนี้
เพราะถ้าเขาอยู่จนถึงปานนี้เขาพงจะขี้หึงนายน่าดู ”
มินจุนเลื่อนสายตาจากมือไปที่ใบหน้าร่างบางที่ยืนมองเขา
“ ผมไม่รู้ว่าคุณ รู้จักคุณพ่อของผมด้วย ”
“ แน่นอน ฉันกับเขาเรารู้จักกันดีเลยละ
ที่จริงถ้าไม่ติดว่าวันนั้นเกิดเรื่องขึ้นมา เราอาจได้เจอกัน
แต่เอาเถอะการมาเจอนายในตอนนี้ก็คุ้มค่ากับการรองคอยแล้ว หึ ” ร่างบางมองแววตาที่คนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
และที่สำคัญร่างบางไม่อยากเชื่อเลยว่า
ป๊าป๊าของตนเองนั้นจะรู้จักกับคนแบบนี้ด้วย
คนที่สายตาดุดราวกับอสรพิษแบบนั้น
แล้วรอคอยมันคืออะไร
“ อ้าว ประธานต้วน ” ด้วยเสียงกล่าวทักทายของผู้มาใหม่
ร่างบางจึงฉวยโอกาสชักมือกับมาจากมือใหญ่
เป็นการสิ้นสุดพันธนาการทางสายตา
ที่แม้จะระยะสั้น แต่สำหรับร่างบางมันคือ ระยะเวลาที่สั่นที่เชื่องช้าเหลือเกิน
แต่ถึงอย่างไรร่าบาง ก็ยังรู้สึกหวั่นเกรงกับคนตรงหน้าอยู่ดี
แต่ความรู้สึกกลัวที่ยังหลงเหลืออยู่ก็หมดไปเมื่อใบหน้าของร่างบางหันไปสบตากับ
บุคคลมาใหม่พอดี
มันแอบรู้สึก อุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ อ่า ประธาน ต้วนอี้เอิน ”มินจุนกล่าวทักทายกับผู้มาใหม่
มือใหญ่ที่ได้สัมพันธ์ร่างบางเมื่อไปนานมานี้บัดนี้ได้ยืนให้กับ
ร่างสูงผู้มาใหม่อย่างเป็นมิตร
“ ยินดีที่ได้พบครับ ประธาน คิม ”
ร่างสูงยืนมือไปจับมือใหญ่ที่ยืนทักทายมาหาตน
“ ได้ข่าวว่าตั้งแต่นายเข้ามารับตำแหน่ง หุ้น
ก็พุ่งมาเป็นประติการณ์”
“ ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมยังมือใหม่ ”
ต้วนอี้เอ้น หรือ มานค์ กล่าวอย่างท่อมตน ถึงอย่างไรเข้าก็ยังมือใหม่
การจะโอ้อวดตัวเองสำหรับ มาร์ค เป็นวิถีแห่งคนโง่เท่านั้นที่ทำ
“ นั้นสินะ แต่ฉันก็ต้องขอชมเชยนายจริงนะ
มาค์ ว่านายก้าวกระโดดได้รวดเร็ว แต่ก็นะ
นายก็ต้องระวังตัวให้ดีละ เพราะบางที ก้าวกระโดดของนายก็สะดุดได้ทุกเมื่อ ”
“ ขอบคุณที่แนะนำครับ แต่ผมไม่เคยก้าวกระโดด
ทุกอย่างมาจากการวางแผนที่คิดเป็นอย่างดี
เพราะฉะนั้นมันจะไม่มีทาสะดุดล้มไม่ว่าจะมีอะไรมาขว้างก็ตาม และถึงแม้จะมีอะไรมาขว้างทาง ก็แค่กำจัดให้พ้นทางก็สิ้นเรื่อง”
“ งั้นเหรอ นายดูมั่นใจในตัวเองมากเลยสินะ
สมแล้วที่คุณต้วนไว้ใจยกตำแหน่งให้นาย เพราะนายดูมีความมั่นใจในตัวเอง”
“ผมไม่พูดอย่างมั่นใจอย่างที่คุณรู้สึก
แต่ผมพูดเรื่องจริง
เพราะการวางแผนของผมเป็นอย่างดี
เพราฉะนั้นมันจะไม่ทางพลาดแน่นอน ”
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรืออย่างไร
แต่ร่างบางที่ยืนดูสองบุคคลตรงหน้ากับรู้สึกราวกับว่ากันทักทายของทั้งคู่นั้น
มันไม่ต่างอะไรกับการเชือดเฉือนทางสายตาท่ามกลางความสงบที่ข้างเคียง
รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าของมินจุน ในขนาดที่มาร์คมองคนตรงหน้าอย่างไม่ไหวติง
ถึง งูใหญ่จะไร้ซึ้งแขนขา แต่ลือชา พิษยา นั้นมากล้น
ถึงมิอาจสู้ด้วยตัวตน ก็ขอสู้ด้วยเล่ห์กล………แล พิษยา
“ สวัสดีครับทุกท่าน ” แจบอม หรือ ประธาน อิม
ผู้เป็นเจ้าของสถานในการณ์ประชุมผู้ถือหุ้นในครั้งนี้
ได้ก้าวเท้าเข้ามาในห้องรับรองแขก
“ ต้องขอบคุณทุกท่านนะครับที่
สละเวลาในการเดินทางมาประชุมถึงที่นี่”
“ ยินดีอย่างยิ่งครับ
ถือเป็นการมาพักผ่อนไปในตัว ” ชายชาวยุโรปหนึ่งในผู้ถือหุ้นได้กล่าวขึ้นมา
“ อ่า เช่นนั้นก็ดีใจนะครับ เอาละครับ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วเราเข้าห้องประชุมกันเลยดีกว่าครับ” เมื่อแจบอมกล่าวจบก็ผายมือเป็นการเชิญผู้ลงทุนทั้งหลายเข้าการประชุม
การประชุมผ่านไปด้วยดี
นักลงทุนทั้งหลายเห็นด้วยกับการลงทุนครั้งใหม่ที่จะเกิดจากตอนแรกที่พวกเขามองว่า
การลงทุนครั้งนี้อาจจะได้เงินไม่คุ้มเสีย
แต่เพราะจาการออกแสดงความเห็นจากหนึ่งในผู้ลงทุน หนึ่งในผู้ลงทุนที่ใหม่ที่สุด และ
เด็กที่สุดในบรรดาผู้ร่วมลงทุนทั้งหลายทำให้เอาผู้ลงทุนคนอื่นๆต่างหันกลับลำเห็นด้วยกับการลงทุนครั้งนี้
แจบอมที่เฝ้าดูสถานการณ์ที่เกิดกับการประชุมรู้พอใจกับผลที่ออกมา
และตกใจไม่น้อยถึงความสามารถทางธุรกิจของคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาในที่ประชุม
ที่ดูตัวเล็กเบาะบางแต่กับแสดงความเห็นกับเรื่องธุรกิจราวกับผ่านเรื่องราวธุรกิจมาหลายปี
นับว่าคนที่แจ๊คสันเลือกมา
ไม่น่าผิดหวังเลยทีเดียว
“ วันนี้เด็กคนนั้นทำเอาฉันอึ้งไปเลยว่าไหม
มาร์ค ” หลังจากการประชุมผู้ลงทุนก็ต่างแยกย้ายกลับ มีเพียง
มาร์คที่ยังคงอยู่คุยตัวกับแจบอมที่ห้องทำงานใหญ่ของท่านประธาน J คอปเปอร์เรชั่น
มาร์คที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามแจบอมไม่เอยอะไรขึ้นมา
“ ให้ตายตัวเล็กแค่นั้น แต่เก่งเอาเรื่องเลยนะ
ว่าไหม ”
“ แต่ไม่ว่ายังไง แจ๊คสัน ก็ควรจะมาเอง”
ร่างสูงกล่าวตอบกับแจบอมในขนาดที่จิบกาแฟร้อนไปในตัว
ถึงแม้ว่าคนที่แจ๊คสันส่งมาเป็นตัวแทนจะสามารถพิจารณาโลกธุรกิจได้แค่ไหนเขาก็ยังต้องการให้แจ๊คสันมาด้วยตัวเองอยู่ดี
เพราะการมาของแจ๊คสันอาจจะช่วย
เพิ่มผลกระทบน้อยกว่าการศูนย์เสียก็เป็นได้
เมื่อเทียบกับการที่เพื่อนของเขาส่งตัวแทนคนสำคัญมา
แต่เอาเถอะ ถึงแม้เขาจะต้องการให้เป็นเช่นนั้น
แต่ในเมื่อเพื่อนของเขาตัดสินใจแบบนี้
เขาก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของเพื่อนเขาเช่นกัน
“เอานา ยังไงก็ผ่านไปได้ด้วยดีละนะ ”
แจบอมกล่าวอย่างสบายใจ
“ แล้วอย่าลืมมางานตอนเย็นด้วยละ ” แจบอมกล่าวขึ้นมาเป็นการย่ำเตือนชายหนุ่มอีกที
เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนเขาคนนี้ไม่ค่อยชอบออกงานเท่าไร
“ ทำไมฉันต้องมาอีก ก็แค่งานปาตี้ ”
มาร์คกล่าวอย่างรู้สึกขัดใจ
เขาไม่ค่อยชอบแสงสีและที่สำคัญเขารำคาญพวกนักลงทุนคนอื่นๆที่มักจะใช้โอกาสนี้เข้าหาผลประโยชน์การลงทุนจากเขาไม่ว่าจะเงินทอง
หรือร่างกาย มันจึงทำให้เขาไม่อยากที่จะออกงานสังคมเท่าไรนักถ้าไม่จำเป็น
“ หัดพัก สะบ้างสิ มาร์ค
เอ็ดเวิร์ดบอกนายบ้างานขึ้นทุกวัน พักสะบ้างได้มีเวลาหา
มาเมียตามคำสั่งป๋านายได้ไง” พอได้ยินประโยชน์จากเพื่อนรักอีกคน มาร์ค หรือ
ต้วนอี้เอิ้น ก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ก่อนจะเอยขึ้นมา
“ ขอร้องละ หยุดพูดเรื่อง สะที ” ให้ตายสิ
เขาฟังเรื่องนี้มาเป็นร้อยรอบแล้วนะ ตั้งอเมริกาจนมาถึงเกาหลีเนี่ย
“ ทำไม ” แจบอมมองมาร์คอย่าง ขำๆ
“ จะไม่ให้ฉันไม่พูดได้ยังไง
ไอ้แจ๊คสันมีนก็มีแฟนแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่เป็นก็เถอะแต่ถ้าหมอนี่ได้รอจริงจังขึ้นมาละ
คนคนนี้ก็ต้องเป็นว่าที่ มาดาม หวัง แน่นอน
ส่วนฉันก็จะเป็นคุณพ่อลูกสองอยู่ลำล่อ แล้ว”
แจบอมกล่าวอย่างมั่นใจถึงเหตุผลที่เขาต้องพูดเรื่องนี้
“ แล้วยังไง ” มาร์คถามอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ นายรู้เหตุผลเรื่องนี้อยู่แล้ว มาร์ค
ที่เตือนก็เพราะเป็นห่วงนาย เห็นๆอยู่ตอนนี้นายล้าหลังขนาดไหน
คนอื่นเขามีลูกมีเมียกันหมดแล้ว ”
“ แล้วยังไงมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยเนี่ย ”
มาร์คอย่างเหลืออด มันจะอะไรกันนักหนา
กับอีแค่มีเมียเนี่ยเขาไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ ทำไมทุกคนถึงต้องการรีบให้เขามีเมียกันนักหนา
“ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไม
ทั้งป๋าทั้งนายทุกคนถึงอยากให้ฉันรีบมีครอบครัวนักหนา” ใช่ จะรีบกันทำไมอายุเขาก็แค่นี้นะ
ถึงจะไม่น้อยแล้วแต่มันก็ไม่ได้มากเท่าไรจะว่าไป เพื่อนเขาต่างหากละที่รีบไปนะ
ขนาดที่ท้องลูกคนแรก ยังไม่ได้แต่งงานกับเมียเลยเสียด้วยซ้ำ แล้วมาบอกช้าเหรอ
ต้องพูดว่าใครกันแน่ต่างหากที่รีบมีลูกก่อน
“ ฉันว่า ฉันไม่ได้ช้าไปนะ
แต่นายต่างหากที่รีบมีลูกเร็วไป ”
“ เฮ้ ฉันไม่ได้รับ มันถึงเวลาแล้วต่างหากละ
55555 อีกอย่างใครจะรู้ว่าเมียฉันท้องได้กันละ”
แจบอมรีบแก้ตัวทันควันอย่างอารมณ์ดี
ก็มันจริงนี้ !
เวลารัก มันมาให้เราตั้งตัวทันเสียที่ไหนละ
ขนาดเขายังต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะรู้เลยว่า
เขารัก ภรรยาคู่ชีวิตขนาดไหน
มาร์ค ที่รอบสังเกตเห็นเพื่อนรัก
ที่อยู่ดีๆก็นั่งเงียบ แล้วก็ยิ้มหน้าแดงอยู่คนเดียว ร่างสูงมองสภาพเพื่อนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
พาลให้นึกในใจว่าเพื่อนของเขาคนนี้
เป็นเอามาก
“ เป็นอะไรของนาย ” หลังจากที่มาร์คเรียกสติ
แจบอมที่กำลังนั่งอบยิ้มให้กับตัวเองก็หันมาสบตามาร์คอีกครั้ง
“ อ่อ ก็แค่นึกถึงเรื่องเก่าๆนะ นึกตอนที่เจอ
จินยองครั้งแรก ” มาร์คที่รอบสังเกตพฤติกรรมของเพื่อนเขา
รอยยิ้มที่เปลี่ยนไป
เขายอมรับเลยว่า
เพื่อนของเขานั้นเปลี่ยนไปมากเลยที่เดียว จากรอยยิ้มที่ใครมองต่างก็ขนานนามว่า
รอยยิ้มปีศาจ กลับกลายเป็นรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนของคุณพ่อแสนดี
เขาไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนของเขาจะยิ้มแบบนี้ได้เลยไม่อยากเชื่อเลยว่าที่ลูกน้องหมอนี่พูดไว้
ว่า เจ้านายของพวกเขาเปลี่ยนไปมันจะเป็นเรื่องจริง
“ อ่อ เหรอ งั้นสำหรับฉัน
ฉันก็คิดว่ามันยังไม่ถึงเวลา ที่ฉันจะต้องรีบมีเมีย”
ถ้าหากสำหรับเพื่อนของเขาคิดว่ามันถึงเวลาแล้วนั้น
สำหรับเขาแล้ว
มันก็พงจะยังไม่ถึงเวลาที่ต้องมีใครสักคนมาเคียงข้างกาย
และคิดว่า
พง จะไม่มีวันถึง
“
เนี่ยละถึงแล้ว นายจะรออะไรอีก ” แจบอมยังไม่ละความพยายามที่จะยุให้เพื่อน
มีเมีย!
หลังจากที่ระลึกถึงอดีตกับภรรยาคู่ใจ
เอาตรงๆเลยนะที่เขาอยากให้เพื่อนรักทั้งสองได้เมียเป็นฝั่งเป็นฝาสักทีเนี่ย
ที่จริงก็ไม่มีอะไรมากหรอก
เขาก็แค่อยากให้เพื่อนได้รับรู้ถึงประสบการณ์อันล่ำค่านี้ไว้ก็เท่านั้นเอง
แค่นั้นเอง
จริงๆนะ
“ นายเชื่อฉัน มาร์ค
คนมีเมียอย่างฉันมีเซ้น ฉันดูออกที่ฉันอยากให้เมียมีครอบครัว
เพราะครอบครัว จะทำให้นายยังมีชีวิตต่อไปได้ ยังไงละ ”
แจบอมจากที่กล่าวอย่างสบายในยามแรก
ตอนนี้กับกล่าวสุขุมอย่างน่าประหลาด
สายตาที่ไม่ได้เล่นตลกอย่าเคยมองหน้ามาร์คอย่างสงบ
มาร์คสังเกตได้เลยว่าแจบอมอารมณ์ขึ้นๆลงๆไม่ต่างจากแจ๊คสันเท่าไร
หรือเพราะภรรยาคู่ใจของเพื่อนเขากำลังท้องก็เลยเกิดอารมณ์ขึ้นๆลงๆ
เหมือนเมียขึ้นมา
“
นายก็รู้มาเฟียเราใช่ชีวิตอย่างไร้คุณค่าแค่ไหนไม่สนใจจะเจ็บหรือจะตายมอง
เป็นเรื่องไร้สาระ สิ่งที่เราสนใจคือผลประโยชน์การล้างแค้น
ความเชื่อใจไม่ต้องพูดถึงมันแทบไม่มีเลยเราเชื่อใจใครไม่ได้เลยมีแต่ความหวาดระแวง”
มาร์คเงียบรับฟังสิ่งที่แจบอมพูดอย่างสงบ
“ ตัวฉันเองเมื่อก่อนฉันก็เป็นเหมือนนาย
นายก็รู้ ทำแต่งานสนใจแต่ธุรกิจ เอาชีวิตไปเสี่ยงกับลูกปืนไม่เว้นแต่ละวัน
ไม่เคยสนใจที่จะมีเมียมีลูก แต่ ” แจบอม
เว้นระยะการพูไปครู่หนึ่ง
ราวกับว่าสิ่งที่เขาจะพุดนั้นมันสำคัญขนาดไหนก่อนจะเริ่มต้นพูดอีกครั้ง
“ แต่ นับตั้งแต่ที่ฉันเจอกับ กับคนที่ฉันรัก
ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันจะทำให้เขาเสียน้ำตาเพราะฉันไม่ได้เด็ดขาด
เพียงแค่ฉันเห็นน้ำตาของเขาเพราะฉัน มันก็เจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก
เขาเป็นเหมือนที่พักพิง ราวกับว่ายังมีที่ให้กลับไป
ไม่ว่าฉันจะเจอเรื่องอะไรแบบไหนเขาก็จะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ
มันทำให้ฉันเข้าใจจริงๆเลยว่าการมีเมีย มีครอบครัว มันทำให้ฉันเข้าใจว่าชีวิตมันสำคัญยังไง
และเข้าใจความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างหลังเลยว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรเจ็บปวดแค่ไหน
กับการที่คนที่อยู่ข้างเขา คนที่เขารัก กำลังจะจากไป
ฉันถึงอยากให้นายมีเมียมีครอบครัวเพราะรู้ดีว่านายใช้ชีวิตตอนนี้ไร้ค่าแค่ไหน
ฉันห่วงนายนะมาร์ค” แจบอมตบบ่ามาร์คเบาๆ ทุกอย่างที่เขาพูดร่วนออกมาจากใจ เพราะครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็นแบบมาร์ค
“ หึ แล้วให้ฉันรีบแต่งเมีย
เพื่อให้มานั่งกลัวเมียอย่างนายหรือไง ” มาร์ค
เซาะยิ้มออกไม่คิดเลยว่าจะต้องมานั่งเจอเพื่อนรัก นั่งเทศนาให้ฟัง
“ เฮ้ย เขาไม่ได้เรียกว่ากลัว
เขาเรียกว่าให้เกียรติ โว้ย ”
แจบอมกับมาชักสีหน้าอีกครั้งให้กับคำพูดของมาร์คก่อนจะรีบแก้ตัว
“ หึ ดูยังไงก็กลัวเมียชัดๆ ”
ดูจากสถานการณ์มันก็เห็นๆกันอยู่
“ ไม่ใช่ โว้ย
ฉันแค่ไม่อยากทำให้คนท้องอารมณ์ไม่ดี มันผลต่อเด็ก”
“ อย่าเลยแจบอมเรื่องของนายนะมันดังกระฉ่อนแล้ว
” สิ้นคำพูดมาร์ค แจบอมก็อ้าปากเล่อ ถึงประโยคที่มาร์คพูดออกมา
หมดกัน
ใคร
หมาหน้าไหนกันที่กล้าเอาไปพูดหาว่าเขากลัวเมีย
มัน
มัน
ไม่ใช่สักหน่อย โว้ยยยยยย
แจบอมที่ตอนนี้ กำลังโมโหเลือดขึ้นหน้าของจริง
ให้ตายหมดกัน ชื่อเสียงที่สร้างมา ไม่ได้การเขาต้องสืบเรื่องนี้ ไม่ยอมเด็ดขาด
นี่ถ้านางฟ้าตวน้อยของเขารู้เรื่องนี้เขามีหวังได้อายลูกอีกแน่
แต่ดูเหมือนแรงอาคาดของแจบอมจะแรงพอที่จะทำให้ใครบ้างคนรู้สึกตัว
แม้ตอนนี้แจบอมจะยังไม่รู้ว่าแต่แรงอาคาดก็ได้ส่งไปถึงเรียบร้อยแล้ว
“ ให้ตายสิ อากาศร้อนแท้ๆ
ทำไมมันเย็นวาบๆก็ไม่รู้”
เพราะความรักมักจะมา
มันมาไม่ทันตั้งตัว
_________________________________________________________________________________________________________________________________
สองคู่มือที่กำมือแน่น
สายตาที่หลบเลี่ยงไปมาอย่างเขินอายพร้อมกับรอยยิ้มมุมฝีปาก
ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ทั้งๆการเจอกันครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก
แต่ทั้งยองแจและแจ๊คสันก็วางตัวกับคนตรงหน้าไม่ถูกสักที
สำหรับยองแจถึงตอนนี้ร่างบางก็ไม่เข้าใจเสียทีว่าทำไมต้องเขินอายแบบนี้
มันพงน่าอาจมากใช่ไหมที่ผู้เข้าอย่างเขาจะมานั่งเขินผู้ชายด้วยกันเองแบบนี้
แต่จะทำอย่างไรได้ทั้งที่คิดมาแล้วแท้ๆว่าจะคุยเรื่องอะไรแต่พอมาเจอหน้ากันจริงๆก็กับพูดไม่ออกกันซะงั้น
เพราะมั่วแต่เขินใบหน้าที่เข้มคลายคนนี้ละ
ตอนที่รู้ว่าแจ๊คสันติดต่อมา
ได้ยินเสียงจากปลายสายครั้งแรก
มันรู้ดีใจและตกใจเสียจนมันต้องยิ้มออกมาอย่างเก็บไม่อยู่ ร่างบางไม่คิดว่าคนอย่าง
แจ๊คสัน หวัง จะโทรติดต่อกับตัวเองโดยตรงแบบนี้
มันเป็นสิ่งที่ใฝ่ฝัน
แต่ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
ช่วงนี้ ร่างบางเอง
มีงานยุ่งหลายอย่างไหนเจ้าน้องชายที่รักจะบินไปหาคุณพ่อคุณแม่ของพวกเขาในอีกซีกโลกหนึ่งบอกตามตรงว่าช่วงนี้
ร่างบางเองก็รู้สึกเหงาๆเหมือนกัน
ทั้งยุ่งยากกับเรื่องงานที่ล้นมือทั้งการต้องอยู่ตนเดียวอย่างไม่มีใคร
แต่เพียงสายที่ติดต่อมาได้เอยขึ้น
ความรู้สึกที่ทั้งเหงาและเหนื่อยหน่าย
มันก็หายไปทันที
ท่ามกลางบรรยากาศโต๊ะอาหารห้องอาหารสุดหรูพร้อมกับภาพบรรยากาศยามค่ำคืนของโรงแรมใจกลางกรุงเทพ
และแน่นอนว่า จินฝู คือคนที่จัดการเรื่องทุกอย่าง
สำหรับเรื่องนี้แล้ว จินฝูเขาคิดว่า
บ้างทีหลังจากจบเรื่องขอเจ้านายผู้มีปัญหาทางอารมณ์แล้ว
เขาก็น่าจะลาออกแล้วไปเป็นผู้กำกับหนังนะ ดูจากความสามารถตัวเองแล้ว
ดูจากฝีมือแล้วมันก็ไม่เลวนี่หนา หึๆ
แต่ในระหว่างที่จินฝูกำลังชื่นชมกับความสามารถใหม่ของเขา
ก็ไม่ได้สังเกตว่า
มีสาวเอเชียผมหยักโซก
สีน้ำตาลกำลังก้าวเดินเดินผ่านไป
อย่างไม่รู้ตัว
จินฝู เหมือนนายจะพลาดอะไรบ้างอย่างไปนะ
ว่า
ตัวละครในซีรี่
ไม่ได้มีแค่
พระเอก
นางเอก
แต่มันยังมี
นางร้ายด้วย
_______________________________________________________________________________________________________________
แบมแบมที่ตอนนี้อยู่บนโต๊ะอาหารภายในห้องพักที่ซึ้งเห็นบรรยากาศข้างนอกชัดเจน
ร่างบางนั่งคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
ผู้ชายคนนั้น
คิมมินจุน
ไม่คิดเลยว่า ป๊าป๊า
จะเคยรู้จักกับเขาคนนี้มาก่อนคนที่ลวนลามทางสายตาคนอื่นแบบนั้น
ยิ่งต้องมาเจอในเลี้ยงกลางคืนแล้ว ทำให้ไม่อยากไปเลย แบมไม่ชอบเขาเลยฮะ ป๊าป๊า
ระหว่างที่กำลังนึกถึงเหตุการณ์ก่อนการประชุมที่ร่างบางต้องไม่สบอารมณ์กับการกระทำของคน
คนหนึ่งที่เคยเป็นเพื่อนรักของพ่อร่างบางมาก่อน
อีกคนหนึ่งก็ถูกแทรกมาในความคิด
คนที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจทุกครั้งที่เจอ
ถ้าหากมาร์คหรือ
ต้วนอี้เอิ้นไม่เข้ามาในช่วงเวลานั้นร่างบางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรให้หลุดจากพันธนาการทางสายตานั้นดี คิดได้อย่างนั้นร่างบางก็ยิ้มขึ้นมาอย่างอุ่นใจ
ถ้าหากงานเลี้ยงคืนนี้มีเขาคนนั้นไปด้วยร่างเองก็พงจะรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ระหว่างที่ร่างบางกำลังคิดอะไรเรื้อยเปื้อยสายตาก็เลือบไปแหวนหยกบนนิ้วกลางข้างซ้าย
มันเกิดอะไรขึ้นกันน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้น
มันก็พาลให้ร่างบางนึกถึงสถานการณ์ก่อนหน้านั้นที่เกิดขึ้น
ก่อนการประชุม 1สัปดาห์ ร่างบางที่นอกจากจะใช้เวลาสำหรับการเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยและดูเอกสารการประชุมแล้ว
ก็มักจะออกไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ
สถานที่แห่งความทรงจำ
ของคนรัก ทั้งสองคน
ที่ซึ้งร่วมกันถักทอเป็นเส้นใยแห่ง ความรัก และ
ความทรงจำ ที่งดงาม
สถานที่ ที่ดูแสนธรรมดาแต่กลับมากด้วยความรู้สึกที่เปรี่ยมล้นในจิตใจ
แม้จะแสนสั้นเสียแค่ไหนก็ยังทรงคุณค่าเฉกเช่นเดิม
แบมแบมที่กำลังเดินย่างกายเพียงลำพังในสวนสาธารณะ
ผู้คนที่เดียวคว้างไขว้ไปมา บรรยากาศที่อบอุ่นกำลังดี พื้นที่สวนสีเขียวถูกจับจองเพื่อสำหรับ ปิกนิค
บ้างก็มาเป็นกลุ่ม มาเป็นครอบครัว และบ้างที่ก็มาเป็นคู่รัก
ร่างบางเดินมองบรรยากาศไปมาพร้อมกับการฟังเพลงบรรเลงเบาในหูที่ตนเสียบฟังอยู่ แบมแบมเดินไปเลื้อยตามทางถนน
พาลย้อนนึกถึงความทรงจำในอดีต
ที่ซึ้งมี
เขานั้นเป็นสักขีพยานแห่งความจำนี้
ถึงแม้ แบมแบมจะใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในไทยและฮ่องกง
แต่ร่างบางก็ยังไม่ลืมเช่นกันว่าตนเองนั้นยังมีสายเลือด
อีกสายเลือดหนึ่งที่มาจากคุณแม่ที่ร่างบางไม่เคยเจอตัวจริงสักครั้ง
ร่างบางเดินมาหยุดอยู่ที่
เก้าอี้ม้าตัวหนึ่งมันโชคดีเหลือเกิน
ที่แม้วันนี้จะมีผู้คนมากมายมาใช้บริการสวนสาธารณะ
แต่ม้านั่งตัวนี้กลับไม่ได้เป็นที่จับจองของใครร่างบางเดินเข้าไปที่ม้านั่งและย่อตัวลงนั่งอย่างช้าๆ
มือบางที่สัมพัทธ์กลับพื้นไม้ของเก้าอี้ม้าไปมาอย่างเบามือ
ที่ตรงนี้
“ แบมแบม ”
“ ฮะ ป๋าป๋า ” ร่างบางในวัยน้อย
บนตักใหญ่กำลังมองคนเดินไปมาอย่างตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศที่ตื่นไม่เคยเห็น
หันมามองเจ้าของตักใหญ่ที่แสนอบอุ่น
“ รู้ไหมว่าที่ตรงนี้นะ ป๋าป๋ากับม๋าม๋า
เคยมานั่งเลยที่นี่”
“ เหรอฮะ ”
“แบมแบมอยากรู้อะไรไหม ”
“ ฮะ ?”
“ ม๋าม๋าขอป๋าป๋าแต่งงานที่นี่ด้วยละ ฮ่าๆ”
นิชคุณหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
รอยยิ้มที่ปรากฏออกมาจากใจของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนสุขุมนุ่มลึกผู้ที่แทบไม่เคยปริรอยยิ้มที่น่ามองนี้ให้ใครเห็นนอกจากลูกชายตัวน้อยตนเองเท่านั้น
ร่างบางยังคงจดจำรอยยิ้มนั้นได้ดี
ไม่ว่าเราจะได้รับความอบอุ่นแค่ไหน
ก็ไม่เท่าการได้รับความอบอุ่นเท่าคนในครอบครัวที่แท้จริง
สิ่งเดียวที่ทำให้ร่างบางรู้จักคุณแม่ของตัวเองได้นั้น
ก็คือความทรงจำที่อบอุ่นโดยมี นิชคุณผู้เป็นพ่อเป็นผู้ถ่ายถอดเรื่องราวต่างๆให้ฟัง
ร่างบางรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่ย้อนนึกถึงเรื่องราวต่างๆในอดีต
สำหรับแบมแบมร่างบางที่เกิดมาไม่ได้มีผู้เป็นแม่ที่อยู่ข้างกาย
การได้รับฟังเรื่องราวของคุณแม่จากปากคุณพ่อของตนนั้น
มันทำให้ร่างบางมีความสุขทุกครั้งที่ได้รับฟังเรื่องราวต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้น เพราะมันให้ความรู้สึกราวกับว่าตนเองนั้นได้ใกล้ชิดผู้เป็นคุณแม่ของตนไปอีกก้าวหนึ่ง
แต่น่าเสียดายที่เวลาแห่งการได้รับฟังเรื่องราวความทรงจำแห่งความสุขนั้นได้จบลงไปแล้ว
ร่างบางยังคงนั่งอยู่ที่ม้านั่งต่อไปพร้อมกับการนึกถึงเรื่องราวต่างๆไปพร้อมกับการฟังเพลงเบาๆ
ท่ามกลางสายตาของใครบ้างคนที่จ้องมองอย่างสงบ
ที่ประปนไปกับผู้คนที่เดินรอบตัว
ตกยามค่ำ
ร่างบางเดินเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ
ที่ยูคยอมเป็นคนแนะนำอันที่จริงร่างบางเสียดายไม่น้อยที่เพื่อนรักของเขานั้นไม่สามารถมาด้วยได้ถ้าไม่อย่างนั้นเขาพงมีเรื่องสนุกทำร่วมกันมากกว่านี้
ถนนคนเดินยามค่ำคืนมีข้าวของมากมายจำหน่ายข้างทางพ่อค้าแม่ค้าต่างออกมาตะโกนเสนอราคราที่ถูกสุดตัดหน้ากันอย่างเชือดเฉือน
ร่างบางยังคงเดินดูของไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ร้านหนึ่งที่ขายจิลเวอรี่ต่างๆ
ร่างบางตรงเข้าไปร้านนั้นร่างบางพาลเลื่อนสายตาดูเครื่องประดับต่างอย่างพิจารณาจนมาหยุดที่แหวนวงหนึ่ง
มีเรียบธรรมดาแต่กลับน่าสนใจด้วยเท็กซ์เจ้อลายหินอ่อน
“ สนใจเหรอคะ ”
หญิงสาวในชุดแต่งกายสไตน์โบฮีเมี้ยน ที่เดาได้ไม่ยากเลยว่าเธอคือเจ้าของร้าน
“ ฮะ ” ร่างบางทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
“ มันทำมาจากกอะไรเหรอฮะ ” ด้วยลวดลายของหินที่แปลกตาทำให้ร่างบางอดสงสัยไม่ได้ว่ามันทำมากจากอะไรเพราะตนเองนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเครื่องประดับมากนัก
“ หยก จ๊ะ ”
แม่ค้าสาวโบฮีเมิ้ยนตอบกลับอย่างเป็นมิตร
“ งั้นเหรอฮะ
สวยจังเลยนะฮะ”ร่างบางมองพิจารณาอีกครั้งพร้อมกับรู้สึกบางอย่างขึ้นมา
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันคืออะไร
“ เหรอจ๊ะ
ฉันก็คิดเหมือนกันแต่ดูเหมือนมันจะดูโบราณไปสำหรับคนอื่นถึงขายมันไม่เคยออกเลย ”
ร่างบางเห็นด้วยกับที่แม่ค้าสาวโบฮีเมี้ยนพูด
รูปร่างที่ดูเก่าโบราณในขนาดที่จิลเวอรี่ชิ้นอื่นกลับตามทันสมัยกาลเวลา
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ร่างบางกับมองว่ามันสวยและรู้สึกคุ้นเคยกับมันเป็นพิเศษ
“ ถ้าอย่างนั้นผมของซื้อได้ไหมฮะ”
เพราะดูเหมือนความถูกใจในสิ่งของจะฉุดไม่อยู่
ทำให้ร่างบางตัดสินใจที่จะซื้อมันโดยทันที
“ เธออยากได้เหรอ ” แม่ค้าสาวมองอย่างดีใจ
“ ฮะเท่าไร ฮะ ”
ร่างบางงหยิบกระเป๋าเตรียมพร้อมจะให้เงินแก่แม่ค้าสาวแต่แล้วก็ต้องชะงักให้กับคำพูดของแม่ค้าสาวโบฮีเมี้ยนคนนั้น
“ เท่าไรดีละ ตอนนั้นเคยขายเท่าไรนะ ”
แม่ค้าสาวที่กำลังคุ้นคิดกับการตั้งราคาที่ดูสมน้ำสมเนื้อดังเช่นที่เคยทำ
“ 50 วอน ”
“ ฮะ !”ร่างบางร้องออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“ ทำไมละฮะ มันน่าจะมากกว่านั้นนะฮะ ”
ใช่แล้วถึงมันจะไม่สวย แต่แค่ 50 วอน มันก็น้อยไป
“ ทำไมละ ถ้าเปรียบเท่า ตอนนั้นกับตอนนี้
ราคาก็เท่ากันนะ” สิ่งทีแม่ค้าคนสาวพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
ร่างบางสตั้นไปไม่น้อยกับที่แม่ค้าคนสาวพูด ร่างบางไม่เข้าใจที่ความคิดของแม่ค้าสาวคนนี้เลยสักนิด
พาลให้คิดในใจว่าเธอคนนี้ยัง ปกติ ดีหรือเปล่า? แต่แล้วก็เหมือนร่างบางจะคิดอะไรได้ขึ้นมาก่อน
“ เดี่ยวก่อนนะฮะ หมายความว่ายังไง
คุณเคยขายแหวนวงนี้มาก่อนเหรอฮะ ”
จากประโยคที่แม่ค้าสาวพูดเมื่อกี้นั้นมันแปลกๆอย่างไรชอบกล หรือว่าเธอคนนี้จะขโมยของใครเขามา!
“ ใช่ ” แม่ค้าสาวตอบหน้าตาเฉย
อย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร นั้นไงละ
เป็นอย่างที่ร่างบางคิดจริงๆด้วย ไม่ได้การถึงร่างบางจะอยากได้แหวนวงนี้อย่างไร
ร่างบางก็ไม่มีทางที่จะซื้อของโจรเด็ดขาด อีกอย่างดูถ้าแล้วแม่ค้าสาวโบฮีเมี้ยนคนนี้ก็ดูท่าทางไม่ค่อยจะปกติเสียด้วยสิ
แต่ดูเหมือนแม่ค้าสวยคนสวยจะรับรู้ความคิดของร่างบางดี
“ ฉันไม่ได้ขโมยใครมานะ แล้วฉันก็ปกติดีด้วย ”
แม่ค้าสาวรีบแก้ตัวทันควันราวกับรับรู้ความคิดของร่างบาง
“ ฮะ ”
ร่างบางร้องออกมาอย่างตกใจทำไมแม่ค้าสาวคนนี้ถึงรับรู้ความคิดของเขา หรือว่า
“ หรือว่าคุณขโมยใครมาจริงๆ ใช่ไหมฮะ
ที่ว่าไม่เคยขายใครคุณโกหกใช่ไหมฮะ ”
“ ไม่นะ ”
แม่ค้าคนสวยปฎิเสธด้วยสิหน้าที่ตกใจอย่างปิดไม่อยู่ พร้อมกับทำหน้ายุ่ย
หากมองพิศดูดีๆแล้วแม่คนสวยคนนี้ก็น่ารักมิใช่น้อยแม้ว่าตอนนี้กำลังทำหน้ายุ่ยอยู่ก็ตาม
ราวกับเด็กร้ายเดียงสา ขี้ใจน้อยเอาแต่ใจ
“ ฉันไม่ขายแล้ว เอาเป็นว่าฉันยกให้เธอเลยละกัน
” เอาละสิ
อย่าไม่ทันไรแม่สาวคนนี้ก็โมโหเสียแล้วแล้วันนี้จะได้ขายกันไหมละเนี่ย
เพราะดูเหมือนว่าแม่ค้าสาวคนนี้จะเริ่มตัดบทเสียแล้วสิ
ดูท่าแล้วการค้าในเวลาอันแสนสั้น ครั้งนี้พงจะจบลงไม่สวย เหตุคือร่างบางคนนี้ได้ตกลงปลงใจว่าเธอคนนี้คือ
ขโมยเสียแล้ว แถมแม่ค้าสาวยังอารมณ์เสียราวกับเป็นมามากยังไงอย่างนั้น
ยังจะมาตัดบทกันเสียนี่ แล้วจะไม่ให้คิดอื่นได้
ก็เล่นพูดให้ชวนคิดเสียอย่างนั้น
ไม่ได้การถึงครอบครัวร่างบางจะเป็นมาเฟียใหญ่ แต่เหนืออื่นสิ่งใดความถูกต้องก็ต้องมาก่อนเสมอ
แบมแบมรักความยุติธรรมที่สุด
เดี่ยวก่อน นี่ ยังจะยกให้เขาอีกงั้นเหรอ
คิดแล้วร่างบางก็อารมณ์ขึ้นเลย
ให้ตายสิแบบนี้ยอมไม่ได้เด็ดขาด ไม่มีทางสะละ
เอาละสิ คิดแล้วก็ปวดหัว
อีกคนหนึ่งก็รักความยุติธรรมจนเกินเหตุแถมยังคิดเออเองไปกันใหญ่
ส่วนอีกคน ฟังไม่ทันไรก็ใจน้อยง่อยนิ้วคิ้ว
ขโหมด เป็นคนที่ขี้ใจน้อยอะไรเช่นนี้
กลุ้ม
บอกเลยว่า
กลุ้ม
ถามจริงๆเรื่องนี้มีใครปกติบ้าง
ไม่บ้าเกิน
ก็น้อยไป
ไม่น้อยไป
ก็นิ่ง
สะจนเครียดเกินไป
มนุษย์โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกที
กลุ้มใจ
เอาเถอะอย่างไรเสีย
เรื่องราวก็ยังคงดำเนินต่อไป
แม้ว่าจะต้องมานั่งกลุ้มใจกับสติแห่งความบรรเจิดของแต่ละบุคคล
แต่เราก็จะทนต่อไป
เพื่อถักทอเส้นใย แห่งสายสัมพันธ์ความทรงจำ
ขอพวกเขาให้กลับมา
สมบูรณ์
อีกครั้งหนึ่ง
เอาละ เรามาทักทอเส้นใยนั้นกันต่อเถอะ
ระหว่างที่ร่างบางคนนี้กำลังคิดถึงสิ่งที่กำลังจะทำต่อไป ท้องฟ้าที่มืดสงบ
ลมที่สงบนิ่ง ไม่มีท่าที่ของการตั้งเคาร์ของฝนแต่อย่างใด ผู้คนที่ยังเดินขว้างไขว้ แสงไฟที่ยังเปิดส่อง
ทุกอย่างยังคงปกติ จนกระทั้ง
สายลมที่เงียบสงบกับพัดขึ้นมาอย่างรุนแรงโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
ไม่มีที่มาเหมือนถูกทำให้เกิดขึ้น
โดย
บางสิ่งบางอย่าง
สายลมแรง
มันมาจากไหน
ร่างบางที่ตื่นตระหนักกับกับสายลมพัดที่รุนแรงจนสายตาไม่อาจทนต่อลมที่แรงประทะโหมกระนัมได้
ร่างบางใช้แขนเรียวบังลมที่เข้าตา
แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรสถานการณ์เลวร้ายร่างบางที่แทบไม่รู้สภาพเหตุการณ์ล่วงหน้าเลยด้วยทัศนะวิสัยที่ผิดแปลกไป มันทำให้รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาในจิตใจ
และในระหว่างนั้นเสียหนึ่งก็ดังเข้ามา
มันคือ
เสียงขอแม่ค้าสาวโบฮีเมี้ยน
มันมายังไงและจากไหน กัน
แต่ที่แน่ๆมันดังราวกับอยู่ข้างหูร่าบางอย่างไรอย่างนั้น
“ ให้ตายสิ
ที่จริงก็อยากจะอยู่เล่นขายของกับเจ้าอยู่ละนะ แต่ดันมองว่าข้าเป็นหัวขโมยสะได้น่าน้อยใจนักเชียว ข้าไม่เล่นกับเจ้าแล้ว!
แต่เอาเถอะอย่างไรสะแหวนนี่แต่เดิมก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว
คนที่จะเห็นแหวนนี่ได้ก็มีเพียงแค่เจ้ากับอีกคนเท่านั้น
หน้าที่ของข้าก็แค่นำกับมาคืนเจ้าของ
อุสาดมาเล่นเป็นแม่ค้ากับเจ้าเสียหน่อยแต่เจ้ากับมองข้าเสียๆหายๆ แบบนี้ หึ
คอยดูเถอะโทษฐานที่ลบหลู่ข้า ข้าจะลงโทษเจ้า…..”
เมื่อสิ้นเสียง กล่าวออกมาอย่างหงุดหงิดใจน้อย
ดูเหมือนน้ำเสียงเจ้านั้นจะขี้ใจน้อยเอาการ สายลมที่โหมกระนั่ม
ก็ได้กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
และแน่นอน
แหวนผู้มีเจ้าของก็ได้กับมาสู่เจ้าของดังเดิม
หินหยกเขียวขุ่นไร้ราคา
ถูกตีหน้าเป็นขอล้าสมัย
เป็นที่ไร้ซึ้งจุดสนใจ
โดดเดียวเดียวดายนานนับปี
จากอดีตอันไกลโพ้นซึ้งครั้งหนึ่ง
เคยเป็นที่สุขี จากมือขาวเรียวละที ผู้สิริโฉมงดงาม
บัดนี้กลับสู่เจ้าของ ด้วยค้าสาวงามสง่าพราวเสน่ห์
เพื่อกลับมาเป็นอีกครั้งหนึ่ง คือ สักขี แห่งสายสัมพันธ์ ที่ครั้งหนึ่ง
นั้นเคยเป็น
นี่มันอะไรกัน
คำถามที่ร่างบางตั้งกับตัวเองหลายครั้ง
ร่างกายที่ยืนสั่นเทาด้วยความตกใจร่างบางจำได้ดีว่าตนเองนั้นยังยืนเถียงกับแม่ค้าสาวอยู่เลย
แล้วทำไม
ร่างบางถึงมายืนข้างถนน
ที่ซึ้งเป็นทางเข้าของถนนสายคนเดินได้ แล้วไหนจะคำพูดที่แปลกประหลาดนั้นอีก
แต่เดิมเป็นของเจ้าอยู่แล้ว
คนที่เห็นก็มีแค่เจ้ากับอีกคนเท่านั้น
ร่างบางที่นำพาร่างอันสั่นเทากับที่พัก ด้วยถนนคนเดินกับโรงแรมไม่ได้ไกลเท่าไรร่างบางจึงตัดสินใจเดินมา
พร้อมกับคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา
มันทั้งสบสนมึนงงและรวดเร็ว
มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่
พอเดินกับไปที่ร้านนั้นอีกครั้งก็ไม่พบร้านนั้นแล้วแถมผู้คนที่อยู่รอบตัวดูจะไม่
สะทกสะท้านอะไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับพวกเขานั้นไม่ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเลย
หรือมีเพียงร่างบางเท่านั้นที่รู้เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ในที่สุดร่างบางก็กลับมาถึงห้องพักพร้อมกับล้มลงบนเตียงนอนอันแสนุ่ม
“ อย่างกับในหนังเลย ” ในขนาดที่นอนแพร่อยู่บนเตียงร่างบางก็เหลือบเห็น
แหวนหยกวงนั้นที่ยังคงอยู่ในมือ
จริงสิ
มันอยู่ในมือร่างบางมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาในร้าน แบมแบมลืมไปเลยว่าแหวนยังคงอยู่ในมือ
พงเพราะต้องเจอเรื่องสับสน จึงลืมไปสนิทใจเลยว่าแหวนนั้นยังคงอยู่ในมือ
ดูเหมือนมันจะเป็นสิ่งเดียวที่ไม่ได้หายไปพร้อมกับแม่ค้าสาวโบฮีเมี้ยนคนนั้น
แล้วทำไมมันถึงยังอยู่ละ ?
“ มันอะไรกันเนี่ย ”
ร่างบางถอนหายใจพูดกับตัวเอง
ดูเหมือนคิดมมากไปก็เปล่าประโยชน์อย่างไรเสียแม่ค้าสาวคนนั้นก็ได้หายไปแล้ว
และร่างบางแน่ใจได้เลยว่าผู้คนที่อยู่แถวนั้นต้องไม่ได้รับรู้เรื่องราวด้วยแน่ดูเหมือนวันนี้สำหรับร่างบางจะเจอเรื่องหนักใจจริงๆ
แบบนี้พงต้องพ่อนคลายกันหน่อย
ร่างบางที่มายืนอยู่ริมสระน้ำด้านหลังของโรมแรมทางเชื่อมต่อกับสถานบันเทิงของโรงแรม
ในตอนนี้ที่ร่างบางอยู่ชุดว่ายน้ำ
เรือนร่างที่ไม่ได้ถูกปกปิด
ผิวเนียนขาวราวกับหิมะ
ต้นขาที่เรียวขาวชวนสัมพัทธ์
บุรุษเพศเดียวกันยังหันมอง
เรือนร่างที่ชวน เย้ายั่วใจ
ริอยากให้ชวนลิ้มรอง
พร้อมกับฟังเสียงกริ๊ดร้อง อันครางควร
เร้าร้อนใต้เรือนกาย
ริมฝีปากที่ยกจิบ
น้ำพั้นสีสดใส
มองดูฝีปากที่ลิ้นเลียอยู่ไกล
ชวนให้อยากริมรองน้ำสีสด
ในโพงปากที่แดงสดขึ้นทันที
แม้แต่ผู้หญิงยังอิจฉา ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยศรี
แม้แต่ร่างตัวเองนั้นที่มี
ยังมิอาจสวยสู้ได้เท่าชายเธอ
ในยามดึกแม้จะช่วงพักผ่อนแต่ผู้คนก็ยังมาร่วมสนุกในสระว่ายน้ำที่มีเหล่าดีเจค่อยเปิดเพลงให้ความเร้าใจอยู่ข้างสระร่างบางที่ก้าวลงในน้ำอยู่ริมขอบสระโดยไม่สนใจสายตาที่จ้อมอง
เพราะความชินกับการจ้องมองแบบนี้ ร่างบางจึงไม่ได้ใส่ใจอะไรกับสายตาคนรอบข้าง
มือยังยกขึ้นจิบน้ำพั้นสีสดที่สั่งมากพร้อมกับดูบรรยากาศเบื้องหน้าที่ผู้ต่างมาร่วม
สำราญกัน
“ ผมยินดีจริงที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณ ”
กิ๊ก
เสียงดังกระทบของแก้วไวท์ทรงสวยที่ภายในบรรจุด้วยของเหลวศรีอัมพัน
ภายในห้องอาหารส่วนตัวสุดหรูชั้นสูงที่มองเห็นทัศนียภาพที่สวยงามในยามค่ำคืนผ่านบานกระจกบานใหญ่ที่ใสจนมองเห็นดาวเดิมท้องฟ้า
ของโรงแรมดัง ใจกลางกรุงโซล
ชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามฝากฝั่งของโต๊ะที่ปูผ้าขาวเนียนที่ซึ่งมีเพียงแก้วไวท์ที่ทั้งคู่ยกขึ้นจิบ
เหลวสีอัมพันคล้อยไหลลงไปในลำคอของทั้งสองอย่างช้าราวกับว่าพวกเขานั้นต้องการที่จะลิ้มรองรถชาตินั้นให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ในขนาดนั้นเองสมองก็สั่งคิดถึงผลกำไรที่กำลังจะเข้ามาในเร็ววัน ในบรรยากาศที่เงียบสงบท่ามกลางเหล่าลูกน้องชายชุดดำ
ที่ยืนล้อมรอบคุมเชิงทั้งสองฝ่าย
“ เราจะเริ่มส่งของทันที ในเดือนหน้า ”
ชายหนุ่มในชุดสูทดำตัดผมแดง
กล่าวหลังจากการลิ้มรสอันน่ารื่นรมย์ของไวท์ชั้นเลิศสีอัมพัน
ที่จริงไวท์พวกนี้จะไม่ได้รสชาติเลยถ้าผลการเจรจาครั้งนี้ไม่ได้มีผลเป็นไปตามที่เขาต้องการ
ซึ้งแน่นอนว่า
ต้วนอี้เอิน
ไม่มีทางให้มันเป็นเช่นนั้น
และ
ถ้ามันไม่เป็นไปตามคาด
ทุกอย่างก็จะจบ
ด้วยการนองเลือด
เพราะในเมื่อมันไม่เป็นไปตามที่ต้องการ
ก็ต้องกำจัดมันทิ้งสะ ให้สิ้นซาก
“ สถานที่ละ ”
ชายหนุ่มผู้ร่วมขายการต่อรองกล่าวถึงสถานที่นัดหมาย
“ แล้วแต่คุณจะกำหนด”
อี้เอินตอบกลับไปอย่างสงบในขนาดที่ผู้รับฟังยิ้มอย่างพอใจ
สายตาเจ้าเล่ห์
มองชวนลุ่ม
ไม่อาจมองให้หลุดพ้น
ราวกับถูกพันธนาการ
ด้วยมนสเน่ห์
คิมดงวาน
“ ได้ แล้วผมจะบอกคุณอีกที ” คิมดงวานในชุดสูทหรูสีดำยกแก้วไวท์สีอันพันขึ้นจิบอีกครั้งมนขนาดที่นั่งไขว้ห้างอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับเอยเสียงขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ ชั่งโชคดีจริง
ที่การตกลงของเราเป็นไปได้ด้วยดี”
“ เช่นกัน ”
มองที่ยังคงรักษาความสงบนิ่งไว้ได้เป็นอย่างดี
สงบนิ่ง เหยือกเย็น ไม่ไหวติง
แต่ในใจคิดการณ์ร่ำลึกสุดอย่างถึง
สายตาดุดันแข็งกร้าวสุดคำนึง
มิอาจมองทนกล้าจะสบตา
ราวกับ ราชสีห์ในป่าใหญ่
สงบนิ่งแข็งกร้าวไม่ยอมใคร
พร้อมจะไล่ล่าฆ่ามัน ผู้ไม่ยอม
ต้วนอี้เอิน
“ ถ้าเช่นนั้นผมต้องขอตัวกลับก่อน ” ดงวานเมื่อกล่าวเสร็จก็วางแก้วไวท์ที่ตอนนี้ว่างเปล่าปราศจากน้ำสีอัมพันก่อนจะยืนมือไปหา
มาร์คหรือต้วนอี้เอิน มาค์ลุกขึ้นพร้อมกับยืนมือออกไป
เป็นการกล่าวจากลาอย่างเป็นทางการ
“ ครับ ขอบคุณ”
จบการดินเนอร์ในยามดึก
มาร์คลงลิฟต์แก้วลงมาพร้อมกับเอ็ดเวิร์ด ลิฟท์ที่เคลี่อนตัวด้วยความเร็วที่พอดิบพอดีในระหว่างที่ลิฟต์กำลังเคลื่อนตัว
“ คุณมาร์คจะเดินทางกลับเลยไหมครับ”
“ อืม วันนี้พงไม่มีอะไรแล้ว ”
“ อันที่จริง
เรื่องวันนี้คุณมาร์คให้ผมจัดการก็ได้นะครับ ”
ลูกน้องคู่ใจตาน้ำข้าวเอยขึ้นมาอย่างสุภาพ
“ ไม่เป็นไร เอ็ดเวิร์ด
นายทำงานเยอะมากแล้ว”เอ็ดเวิร์ดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ ถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ”
“ ถึงยังไงสะ คนอย่างคิมดงวาน
แค่คำพูดเจรจาอย่างเดียวคงไม่พอ หมอนั่นแทบจะพ่นพิษทุกเวลา”
“ อย่างนั้นเหรอครับ ”
บรรยากาศภายในลิฟต์แก้วเงียบลงอีกครั้ง
ชายหนุ่มตัวสูงกรามหน้าใบรูปเรียว
ร่างเพียวรูปกล้ามเปื้อย เดินผ่านไหนสาวๆเห็นต้องหันมอง
มือใหญ่ผิวผ่องถือน้ำพั้นมุ่งไปยังชายริมสระ
ขายาวก้าวลงน้ำยืนเคียงข้างร่าบางขาวผ่องศรี ช่ำเลืองผิวขาวสวยเหมือนสตรี เขาสองคนนี้ชั่งเข้ากัน เสียงยังคงเมามันส์
แต่สายตาหลายคู่นั้นกับจับจ้อไปจุดเดียว
ร่างบางเริ่มรู้สึกตัวชำเลืองหันมองยังต้นทาง
“ มีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”
ชายหนุ่มยกยิ้มด้วยมุมปาก
“ ผมนึกว่าคุณจะไม่รู้ตัวสะอีกว่ามีคนจ้อมอง
”ชายหนุ่มกล่าวอย่างขี้เล่น
“ จะมีใครจ้อมองหรือไม่มี
มันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ร่างบางกล่าวเสียงแข็งนิ่ง ชายหนุ่มยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ ผม โอเซฮุน ” ชายร่างใหญ่เอยแนะนำตัวเองก่อน
“ คุณไม่จำเป็นต้องแนะนำตัว”
ร่างบางก้าวเสียงนิ่ง แบมแบมชักจะรำคาญผู้ชายคนนี้เสียแล้วสิ
“ จำเป็นสิ”
“ แต่สำหรับผม ไม่มีความจำเป็นใดๆทั้งสิ้น ” ร่างบางที่ต้องการที่จะใช้เวลานี้เพียงลำพัง
แต่กลับมือชายอื่นมาทำให้ช่วงเวลานี้พังเสียแล้ว
“ อย่าเมินผมเลย คุณทำให้ผมอดใจไม่ไหวจริงๆ”
มือใหญ่ที่คล้องเอวบางเอาไว้ ร่างบางที่ตกใจกับการจู่โจมที่ไม่รู้ตัว
แบมแบมหันมองไปที่เจ้าของมืออย่างเดือดดาล
“ เอามือของคุณออกไป ”
น้ำเสียงที่กดลงต่ำแต่ยังคงพูดได้เรียบเนียน มือที่กรรมแก้วน้ำพั้นบีบรัดแน่น
สายที่เงยมองหน้าร่างสูงอย่างเย้ายั่ว มันเพิ่มความรุมร้อนในกลายหนุ่มยิ่งหนัก
“ พงไม่ได้ ” เสียงเสน่ห์กล่าวขัด อย่างชวนฟัง
“ งั้นเหรอฮะ ” มันยิ่งทำให้ เซฮุน
แทบใจอ่อนเมื่อริมฝีปากสีแดงสดยกยิ้มขึ้นมามือบางยกมือคล้องคออีกฝ่าย
ร่างบางรูปไร้ท้ายถอยของอีกฝ่ายอย่างเบามือในเมื่อมาถึงขั้นนี้ถ้าไม่ยอมปล่อยกันแบบนี้
ร่างบาง ก็ยินดี
เซฮุนยกยิ้มอย่างมีชัย
เขาทำสำเร็จที่จะได้ร่างบางคนนี้มาสร้างเวลาเร้าร้อนกับเขาในยามค่ำคืน สำหรับร่างบางคนนี้เซฮุนคิดว่าน้ำเสียงยามอยู่ร่วมบนเตียงนั้นคงเย้ายั่วที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอมา
เพราะแค่ได้ยินน้ำเสียงแหบนั้นก็ชวนให้หลงแล้ว
แต่
เซฮุนที่รัก
ความฝันของนาย
พงต้อง
หยุดไว้
แล้วละ
ตรงนั้นละ
ใต้ น้ำเลย
ที่รัก
คิดหรือว่าร่างบางคุณหนูสกุล หวัง
จะอ่อนแอเหมือนร่างกายที่ผอมบางเพราะคุณอาหวัง ที่ ห่วง หวง
ในความปลอดภัยของหลานสาว เอ๊ะ!
ข้อแก้ตัวอีกครั้ง
แก้อย่างเป็นทางการเลยแล้วกัน
หลานชายนะจ๊ะ
หลานชาย
เป็นที่สุด
ว่าหนักเครื่องบอดี้การ์ดแล้ว กระนั่นคุณอาแจ๊คสันสุดหล่อ
ก็ยังมองว่ามันยังไม่ครบเครื่องเรื่องความปลอดภัยของหลานชายสุดที่รักอยู่ดีแต่จะให้จับปืนถือดาบ
ก็ใช่ที่
ด้วยเหตุ คุณอาคนนี้ทำใจไม่ได้
แม้ว่าแบมแบมจะต้องขึ้นเป็นผู้บริหารรุ่นต่อไปจากเขาและสมควรอย่างยิ่งแก่การมีฝีมือบู๊
เพื่อไม่ให้มีใครมาหยามเกียรติ
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ
แค่คิดว่า
หลาน…….ชายสุดที่รัก ต้องมาจับดาบจับปืนแล้ว แจ๊คสันก็เจ็บจี๊ดทุกที
มันราวกับรู้สึกว่าเขากำลังปล่อยให้หลานสุดที่รักของเขาไปลำบากอย่างไรอย่างนั้น
แจ๊คสันรับไม่ได้
รับไม่ได้จริง
คุณรองคิดดูสิ
ถ้าคุณมีนางฟ้าตัวน้อยๆคุณจะยอมให้นางฟ้าตัวน้อยแสนน่ารักของคุณมาทำอะไรป่าเถื่อนแบบนี้เหรอ
ใช่ไหมละ!
คุณก็ไม่ยอมเหมือนกันใช่ไหมละ
แน่นอน คนอย่างแจ๊คสันหวัง ก็ไม่ยอมเหมือนกัน
แม้ว่าคุณปู่ผู้นำรุ่นก่อนจะพูดเรื่องนี้หลายครั้งแต่แจ๊คสันก็ยังยืนกรานเช่นเดิมว่าจะไม่ให้หลานชายของเขานั้นต้องจับดาบถือปืนเด็ดขาด
ด้วยเหตุผลที่ผู้นำ รุ่นที่ 10
อย่างแจ๊คสันหวัง
ทำให้ คุณผู้นำรุ่นก่อนต้องกุมขมับ
นั่นก็คือ
มันไม่เข้ากัน
ในเมื่อเหตุผลนั้นเด็ดขาด ลูกน้องก็ไม่กล้าขัด
จินฝูยังร่วมกุมขมับ
ตามใจแต่ท่านเลยละกันท่านรุ่น 10
ด้วยเหตุผลฉะนี้ เจ้าหญิงแห่งสกุลหวัง
จึงไม่เคยแตะปืนถือดาบเลยแต่อย่างใด
แต่เดี่ยวก่อน
อย่างเหตุผลที่กล่าวข้างต้นไปเหตุอะไรแจ๊คสันถึงไม่อยากให้หลานชายใช้อาวุธยาวแถมยังฟลูออฟชั่นกับบอดี้การ์ดเพื่อหลานชายขนาดนั้น
เป็นหางว่าว ซึ้งไม่เข้ากับประเด็นที่กำลังจะเกิดขึ้นเลย
แต่นี้นี่ละคือเหตุผลของเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้
เห็นแบบนี้ก็ใช่ว่าคุณอาคนนี้จะไม่สอนวิธีเอาตัวหลอดไว้ให้คุณหลานชายเลย
โดย ฉะเพราะกับพวกผู้ชาย
ที่ไม่น่าไว้วางใจ
อย่างเช่น
ตัวอย่างที่กำลังเกิดต่อจากนี้ไงละ
ร่างบางที่รูปท้ายถอยของชายหนุ่มที่นามว่า
โอเซฮุน อย่างเบามือริมปากที่ยกยิ้มอย่างเย้ายั่ว
ก่อนที่จะจำตำแหน่งมือกับลำคอ และแค่เพียงลงน้ำหนักมือเบาๆ
หากเขาคิดว่า เขามีชัยต่อร่างบางแล้ว
ขอบอกเลยว่าเขาคิดผิด
จุ่ม!
และ โอเซฮุน
ก็จมลงน้ำไปในพริบตา
เสียงน้ำกระเซนที่ใส่หน้าร่างบางเล็กน้อยมือของร่างบางยังคงยกค้างในตำแหน่งองศาเดียวกับที่คล้องคอร่างสูงไว้
ใบหน้าใสซื่อที่หันมองเหตุการณ์รอบกาย ราวกับสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหมือนกับสายตาคู่อื่นๆที่แอบจ้อมองชายหนุ่ม
หนุ่มดอกไม้สองคนนี้อยู่นาน ที่สงสัยเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ดีๆ ชายหนุ่ม นาม โอเซฮุน
ทำไมถึงอยู่ดีๆก็ลงไปดำน้ำละ? เขาอยากดำน้ำเหรอ?ถ้าในสายตาคนอื่นก็อาจจะใช่
เพราะยังไงลงมาปาตี้สระริมน้ำก็ต้องดำน้ำเล่นน้ำอยู่แล้วนิ ใช่ไหมละ มันของธรรมดา
ร่างบางยังคงทำหน้าตาใสซื่อพร้อมกับวางแก้วน้ำริมสระแล้วยกตัวเองขึ้นสระ
เดินจากไปทันที
ส่วนโอเซฮุนนะเหรอ
ก็กำลังเรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดในน้ำ หลังโดน
กดจุดที่ลำคอ
ไงละ
และนี่ละคือวิธีเอาตัวรอดที่แจ๊คสันส่วนให้กับหลานชาย
นั่นก็คือ การกดเส้นประสาท
เพราะตระกูลหวังเชี่ยวชาญเรื่องนี้เป็นพิเศษ
แจ๊คสันจึงไม่พลาดที่จะสอนให้หลานชายของเอามาใช้เป็นอาวุธคู่กายสะเลย
ดีกว่าจับปืนถือดาบเป็นไหนๆ
แต่สิ่งที่เกิดต่อจากนี้
คือสิ่งที่นอกเหนือจาก
ที่ร่างบางเจอ
โอเซฮุนที่กระเสือกกระสนขึ้นสระราวกับคนว่ายน้ำไม่เป็นแต่อยากโชว์สะงั้น
สร้างความหัวเราะให้แก่สาวๆที่แอบมองอยู่นาน
“ ย่า!”ดูเหมือนเขาจะเดือดดาลละสิ
หลังจากที่เป็นตัวตลกอยู่ได้พักหนึ่งให้กลับสายตาของสาวๆที่หัวเราะเยยะ หลังเจอร่างบางกดจุดไปเล็กน้อยจนต้องกระเสือกกระสนสำลักอยู่ในน้ำอย่างกับคนว่ายน้ำไม่เป็นด้วยความอับอายแม้เพียงเล็กน้อย
แต่สำหรับโฮเซฮุน นายแบบชื่อดัง มันเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้
แต่เขาจะลงกับใครได้ละในเมื่อคู่กรณีไม่อยู่แล้ว?
ถ้าเขาอยากจะหาใครมาลงอารมณ์ที่เดือดดาลเองของเขาในตอนนี้มาก
เลยละก็นะ…………เดี่ยวจัดให้
เพราะมีใครคนหนึ่ง
กำลังเดือดดาลที่มากกว่าเขาในตอนนี้สะอีก!
และพร้อมที่จะคลุบเหยื่อที่รออยู่ข้างหน้า
เลยทีเดียว
ระหว่างที่ เซฮุน กำลังเดินไปห้องแต่งตัวนั้นด้วยร่างที่เปียกปอนและอารมณ์ที่เสียสุดๆ
ก็มีชายชุดดำสองคนมาหลั่ง แขนเขาไว้
“ ย่า พวกนายจะทำอะไรปล่อยนะ !”
จากที่เดือดดาลอยู่แล้วตอนนี้ โอเซฮุน นายแบบชื่อดังคนนี้
กำลังเดือดดาลขึ้นไปอีกด้วยชายชุดดำสองคน
อยากจะบอกกับนายเหลือเกินนะ โอเซฮุน ว่า
ตอนนี้นายน่ะ
โคตรซวยเลยวะ
“ หุบปากของแกสะ
ถ้าไม่อยากให้ฉันตัดมือข้างนั้นของแกทิ้ง”
น้ำเสียงที่สกัดกั้นอารมณ์สุดๆแต่มันถูกระบายทางสายตาแทนเสียนี่
ภายใต้ออกอากาศนักข่าวสาวกำลังอ่านหัวข้อข่าวล่าสุดของเช้าวันใหม่
“
วันนี้นายแบบชื่อดัง โอเซฮุน ถูกรอบทำร้ายระหว่างปาตี้สร้างสรรค์ที่
โรมแรมชื่อดังเมื่อคืนกลางดึงที่ผ่าน ขนาดนี้ถูกส่งไปรักษาตัวแล้ว
ยังไม่พ้นขีดอันตรายคะ……”
“หวังว่าพงยังไม่ตายหรอกนะ ” แน่นอนว่าร่างบางก็รับรู้ข่าวนี้ด้วย
กลับมาที่บรรยากาศห้องสุดหรูของโรงที่ซึ่งร่างบางกำลังนั่งพักบนโซฟาอีกครั้งหนึ่ง
ตอนนี้ใกล้จะการนัดกินเลี้ยงยามค่ำคืน ที่จัดโดย
เพื่อนคุณอาผู้ชายของเขาเพื่อเป็นการตอบแทนที่ผู้ถือหุ้นทั้งหลายเดินทางมาจากแดนไกล
ร่างบางหันมองนาฬีกา ก่อนที่จะเตรียมออกเดินทางไปยังที่หมายอีกครั้ง
ฝีเท้าหนักแน่นมั่นคง
ก้าวมุ่งตรงเส้นทางสู่ด้านหน้า
ด้วยสีหน้าแววตาดุจเหยี่ยวสุดเย็นชา
ขัดกับรูปลักษณ์ภายนอกแสนเหลือเกิน
ผมสีแดงตัดสีดำด้วยชุดสูท
ประดับอยู่บนผิวผ่องชายผิวขาว
ที่สวมใส่แล้ว
แล้วสุดสง่างาม
ดูเลิศค่าคู่ควรของ ผู้นำ
มาร์คที่ตอนนี้เดินทางมาถึงงานจัดเลี้ยงของเหล่าผู้ลงทุน
ซึ้งจัดเลี้ยงในห้องคอนเวนชั่นของบริษัท J
คอปเปอร์เรชั่น
ร่างสูงผมแดงในชุดมาดนักธุรกิจก้าวเดินบนโถงทางเดินเพื่อไปยังห้องจัดเลี้ยงโดนตลอดสองข้างมีหน่วยรักษาความปลอดภัยชายชุดดำยืนประจำการอยู่
ทำให้บางทีร่างสูงคิดว่านี่ตกลงมางานเลี้ยงหรือมาเข้าคุกเรือนจำกันแน่
แต่ก็นะถึงจะบอกว่างานเลี้ยงครั้งนี้จัดเพื่อผู้ถือหุ้นทั้งหลาย
แต่ผู้ถือหุ้นทั้งหลายที่ว่ามา ก็คือมาเฟียตัวพ่อทั้งนั้น
และนี่ยังแค่ส่วนหนึ่งของการรักษาระบบความปลอดภัยที่มีชายชุดดำยืนตลอดสองข้างทาง
แต่ยังรวมถึงหน่อยสไนเปอร์ กล้องวงจรปิด และการรักษาความปลอดภัยบนอากาศ
ฝีเท้าของร่างสูงที่ก้าวไปพร้อมกับลูกน้องคู่ใจตาน้ำข้าวที่อยู่ด้านหลังยังคงก้าวเดินต่อยังสถานที่จัดเลี้ยง
แต่แล้วระหว่างทางเดินแยก สายตาของเอ็ดเวิร์ดก็สังเกตอะไรบางอย่าง
“ คุณมาร์ค ครับ ”
“ มีอะไรเอ็ดเวิร์ด ”
มาร์คเอยขึ้นโดยไม่ได้หันไปมองข้างหลัง
“ ผมเห็น มือขวาคุณมินจุน
ยืนอะไรบางอย่างให้พนักงานครับ ”
“ งั้นเหรอ ”
“ ผมว่างานเลี้ยง
คราวนี้คุณแจบอมพงจะยุ่งหน้าดู ”
“ ช่วยไม่ได้หมอนั่น หาเรื่องเอง ”
มาร์คที่และเอ็ดเวิร์ดที่ตอนนี้ก้าวเท้ามาถึงงานเลี้ยงที่จัดขึ้น
พร้อมกับสายตาที่จับจ้อง โดย เฉพาะเหล่าสาวๆที่ต่างประคมแต่งตัวกันอย่างเติมที่
“ แน่ใจนะว่าไม่เป็นไร ”
แจบอมที่กล่าวพาลรูปหน้าท้องใหญ่อย่างเป็นห่วง
“ อืม ไปเถอะ
” จินยองที่ส่งยิ้มน้อยๆให้กับ แจบอม ที่รูปหน้าท้องอย่างเบามือ
“ แต่ฉันว่า เราไปโรงพยาบาลดีกว่าไหม ”
ถึงภรรยาคนสวยจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่คุณสามีอย่างแจบอมก็ยังอดห่วงไม่ได้อยู่ดี
อะไรที่ทำแจบอมถึงห่วงคุณภรรยาได้ขนาดนี้
“ ไม่ต้องหรอก นี่ท้องสองแล้วนะ
ฉันรู้น่าที่ฉันปวดเมื่อกี้ไม่ใช้ปวดคลอดแน่นอน”
จินยองอย่างมั่นใจเพื่อให้สามีของตนนั้นสบายใจ
เหตุเพราะก่อนหน้านี้ร่าบางท้องโตว่าที่คุณแม่ลูกสองเกิดอาการปวดท้องอย่างหนักแต่ทำไปทำมาเจ้าตัวแสบแค่ดิ้นสะงั้น
ทำเอาว่าที่คุณพ่อลูกสองอย่าง แจบอม
หัวใจแทบวายนึกว่าลูกอยากจะออกมาลืมตาดูโลกเร็วก่อนกำหนดสะอีก
ถึงแม้จะผ่านเรื่องเฉียดตายมาเยอะ แต่พอมาเจอเรื่องแบบนี้จิตใจคุณพ่อมาฟีย
อย่างแจบอม มันก็อดสั่นไหวไม่ได้ทุกที
“ ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณพ่อชินบิ
จะอยู่เป็นเพื่อนคุณแม่เองคะ ”
“ แล้ววันนี้ ชินบิไม่ไปหาเพื่อนแล้วเหรอลูก ”
จินยองที่หันมาถามลูกสาวในชุดเดรส สีชมพูอ่อนหวาน
ที่วันนี้มีนัดจะไปเล่นกับเพื่อนสาวคนสนิท
“ ไม่แล้วคะ วันนี้ชินบิจะอยู่กับคุณแม่
ชินบิอยากเจอน้อง” เด็กหญิงกล่าวอย่างอารมณ์ดี
อดไม่ได้ที่จะเรียกรอยยิ้มให้กับทั้งพ่อและแม่
ทั้งแจบอมและจินยองอดยิ้มไม่ได้ที่ได้เห็นรอยยิ้มอันสดใสของทายาทตัวน้อย
ไม่ว่าจะผ่านไม่นานแค่ไหนสิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขาทั้งยังเดินต่อไปได้
ก็คือรอยยิ้มน้อยๆผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ
เขาทั้งคู่นึกไม่ออกเลยถ้าหากต้องเสียแก้วตาดวงใจ ดวงนี้จะเป็นอย่างไร
เพราะ แค่คิด
มันก็เจ็บปวดใจ
อย่างบอกไม่ถูก
เพราะชินบิ คือลูกสาวคนแรก
เธอคนที่ทำให้ทั้งจินยองและแจบอมมีครอบครัวที่แท้จริง ได้จักกับคำว่าครอบครัว ที่ทั้งร่างสูงและร่างบาง
รู้จักคำๆนี้ห่างไกลเหลือเกิน สำหรับคนที่ไม่เคยมีค่าสิ่งใดเลยในชีวิต
ขาดซึ้งความอบอุ่นในจิตใจ ใช้ชีวิตอย่างไร้ความหมาย อย่างแจบอม และ
คนที่ขาดที่พักผิงทางจิตใจ ไร้ซึ้งการเหลียวมองจากคนที่โหยหา
ถูกตราว่าเป็นเหมือนตัวปัญหา ไม่เคยเป็นที่สนใจของใครๆ อย่างจินยอง รอยยิ้มน้อยๆ
คนนี้คือผู้หล่อหลอมหัวใจที่แตกสลายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
“ ต้องรองอีก เดือนหนึ่งนะ ลูกถึงจะได้เจอน้อง”
ร่างบางรูปหัวของลูกสาวตัวน้อยอย่างเบามือราวกับว่ากลัวเธอจะหายไป
“ ถ้างั้น คุณพ่อ ฝากชินบิดูแลคุณแม่กับน้องด้วยนะคะ
” แจบอมที่กล่าวยกยิ้มให้กับชินบิ
“ คะ รีบกลับมานะคะ คุณพ่อ ”
“ คะ ” แจบอมที่กล่าวให้คำมั่นกับลูกสาว
ว่าจะรีบกลับมา มือหนารูปหน้าท้องใหญ่อีกครั้ง
“ ไอ้ตัวแสบ พ่อไปก่อนนะ
อย่าดิ้นแรงแบบนี้อีกล่ะ พ่อหัวใจแทบวายแนะรู้ไหม ” แจบอมกล่าวอย่างอารมณ์ดี
ในเมื่อภรรยาคนบอกว่าไม่มีอะไร เขาก็ต้องเชื่อใจในสิ่งที่ภรรยาบอก
ร่างสูงก้าวขึ้นรถหรูที่มุ่งทะยานไปยังสถานที่จัดเลี้ยง
"
แล้วไหนน้องบอกว่าน้องจะออกแล้วนี่คะ" เด็กหญิงชินบิที่ตอนนี้ยืนงง
ในขนาดที่คุณแม่เดินเข้าบ้านไปก่อนแล้ว
แบมแบมที่ตอนนี้ยืนอยู่ในงานเลี้ยงกำลังสนทนากับนั่งลงทุนทั้งหลายที่ตอนนี้มุ่งให้ความสนใจกับร่าบางหลังจากเห็นท่าทีของร่างบางในที่ประชุมจึงอดไม่ได้เลยที่ต้องสายสัมพันธ์เอาไว้
เพราะถ้าประธานหวัง ส่งหลานชายตัวเองมาแบบนี้แสดงแน่นอนแล้ว
ว่าที่ประธานของหวังกรุ๊ป คนใหม่ต้องเป็นร่างบางแน่ เพราฉะนั้นแล้ว
การตีสนิทไว้ตั้งแต่เนื่องๆ
นับตั้งแต่ตอนนี้อาจจะส่งผลดีต่อธุรกิจของพวกเขาในอนาคตข้างหน้า
และแน่นอนบทสนทนาที่ถูกหยิบยกขึ้นพงเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่เรื่องพ่อของร่างบาง
“ ไม่เคยรู้จริงๆเลยนะเนี่ยว่าคุณนิชคุณ
จะมีลูกชาย ” ชายในวัยกลางคนกล่าวอย่างอารมณ์ดี
“ ครับ คุณพ่อไม่ค่อยอยากให้ผมออกงานนะครับ ”
ร่างบางกล่าวยิ้มเล็กน้อย
“ เขาพงห่วงเธอ
ในวงการธุรกิจมันก็มีทั้งด้านมืดแล้วก็ด้านสว่าง
คุณพ่อของเธอพงไม่อยากให้เธอเสี่ยงอันตรายน่ะ ” ชายอีกคนกล่าวเหมือนคิดแทน
แต่ร่างบางก็เห็นด้วยกับความคิดนั้นเพราะนิสัยของทั้งป๊ากับคุณอาผู้ชายของเขาเหมือนกันอย่างคือ ขี้หึงเป็นที่สุด
ในบรรยากาศการสนทนา
สายตาหนึ่งยังคงสังเกตร่างบางอยู่เงียบๆ ราวกับอสรพิษในมุมมืด
ก่อนที่จะพยักหน้าให้กลับใครบางคนที่ยืนอยู่หางไกลออก
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างไกลพยักหน้าลงเล็กน้อยเป็นอันเข้าใจ กับสายตานั้นที่ส่งมา
กระต่ายน้อย ดุจดอกไม้ ขาวสดใส
ท่ามกลางสิ่งสวยงามในดงไพร
ตกเป็นเหยื่อ ของ งูใหญ่ไม่รู้ตัว
_______________________________________________________________________________________________________________________
มาร์คที่ยืนตัดสินใจออกมายืนนอกงานอย่างเงียบๆพร้อมกับเอ็ดเวิร์ด
เหตุด้วยรำคาญสายตาของสาวๆที่ต่างประโคมแต่งกันอย่างออกนอกหน้าไม่รู้ว่าชุดพวกเธอเอาผ้าหรือเศษผ้ามาใส่กันแน่ไหนจะผู้นักลงทุนทั้งหลายที่ขยันพูดจาอวดจนน่ารำคาญ นี่ละทำไมมาร์คถึงไม่ชอบงานเลี้ยงสะเลย
ส่วนเอ็ดเวิร์ดที่เงียบไม่ได้พูดอะไรด้วยเข้าใจในตัวเจ้านายดี
“ ย่าท์
ที่สุดนายก็มา” แจบอมที่สุดท้ายก็ก้าวมาถึงงานจัดเลี้ยง
มาร์คที่ยืนถือแก้วไวท์ในหันมองต้นเสียง
“ เห็นแก่คำพูดน้ำเน่าของนายหรอกนะ ”
มาร์คยังคงกล่าวเสียงเรียบอย่างที่เคยเป็น
“ สวัสดีครับคุณแจบอม ”
เอ็ดเวิร์ดที่กล่าวทักทายเพื่อนของเจ้านายเล็กน้อย
แจบอมยิ้มตอบให้กลับอย่างเป็นมิตร
“ ไง เอ็ดเวิร์ด ”
“ ทำไมถึงได้มาช้า
นายเป็นพ่องานไม่ใช่เหรอ ” มาร์คถามถึงเหตุผลในการมาช้าของเพื่อพ่องานคนนี้
“ จินยองนะสิ อยู่ดีก็ปวดท้องขึ้นมานะ ”
“ แล้วเป็นอะไรมากไหม ”
“ ไม่ละแค่ดิ้นแรงไปหน่อย ให้ตายสิทำหัวใจฉันแทบวายเลย ฮ่าๆ”
แจบอมกล่าวอารมณ์ดีให้มาร์ค ก่อนจะสังเกตว่าทำไมเพื่อนรักถึงได้ออกมาอยู่นอกงาน
“ แล้วทำไม นายไม่เข้าไปละ ”
“ ให้ฉันเข้าไปฟังพวกประจบหรือไง ”
แจบอมยืนส่ายหัวไปมา
“ เถอะนา
อย่าได้สนใจเลยนึกว่ามาหาสาวกลับบ้านแล้วกัน ”
“ สาวเหรอ แต่งตัวอย่างกับเอาเศษผ้ามาแปะ” มาร์คปลายคามอง
สาวทั้งหลายในงานที่ค่างจัดประดังกันมาราวกับว่าชีวิตนี้จะไม่ได้แต่งอีกแล้ว
“ ย่าท์ ทำไม นายหัวโบราณแบบนี้เนี่ย ”
แจบอมที่กล่าวอย่างเหนื่อยใจกับเพื่อนหัวโบราณของเขา
แล้วแบบนี้เมื่อไรเพื่อนเขาจะมีเมียได้สะทีละ เนี่ย!
ร่างบางยังคงยืนคุยกับเหล่าผู้บริหารต่อ
ดูเหมือนเหล่าผู้บริหารทั้งหลายจะชื่นชมในตัวร่างบางไม่น้อย
“ ฉันมั่นใจได้เลยนะว่าเธอต้องขึ้นเป็นผู้บริหารที่ดีแน่
” ถึงแม้ร่างบางอย่างจะบอกปฎิเสธ ด้วยใจจริงนั่น อยากเป็นหมอตามที่ตั้งใจ
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีเท่าไรนักที่ร่างบางจะพูดออกไปอีกอย่างมันเรื่องของอนาคต
ไม่มีอะไรแน่นอน ไม่แน่ถ้าคุณอาสุดหล่อของร่างบางแต่งงานมีทายาทตัวน้อยให้ร่างบางเป็นพี่ชายสักคน
คุณอาของร่างบางอาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้และนั่นจะเป็นการดีสำหรับร่างบางอย่างยิ่ง ร่างบางจึงเพียงยิ้มเล็กน้อยเท่านั้น
ในขนาดที่วงสนทนายังคงดำเนิน
และก็ถึงพิธีการสำคัญ ที่เจ้าของงานจะกล่าวขึ้น
แจบอมที่ก้าวขึ้นบนเวทีพร้อมกับเสียงตบมือจากแขกที่มาร่วมงาน
“ ผม อิมแจบอม
ในฐานะเจ้าที่จัดประชุมการลงทุนครั้งใหม่ ต้องขอกล่าวขอบคุณผู้บริหารทุนท่าน
ที่อุสาดเดินทางมาไกลถึงเกาหลีแห่งนี้…….”
ร่างบางที่ยืนฟังเพื่อนคุณอาพูดอยู่บนเวทีเฉกเช่นแขกผู้มีเกียรติคนอื่น
รู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
มันสั่นไหวแปลกๆ
และร้อนลุ่มอย่างน่าประหลาด
ร่างบางเอาวางบนหน้าอกด้านซ้ายพร้อมกับสายตาที่หวั่นไหวไปมา
หย้าหลุนที่สังเกตอาการนายน้อยที่ผิดปกติเอยถามขึ้น
“ มีอะไรหรือเปล่าครับ คุณแบม ”
ร่างบางหันไปทางหย้าหลุนเล็ก พร้อมกับพยายามจะซ้อนอาการบางอย่างที่เกิดในใจให้เป็นปกติ
“ เปล่าครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร”
แต่ยิ่งซ้อนมันเอาไว้ในใจเท่าไร
มันก็ยิ่งกลับทวีมากขึ้นเท่านั้น
หัวใจที่สูบฉีดร่างกาย
ร่างกายที่มีเม็ดเหงื่อ
ลมหายใจที่เข้าออก
มันหนักหน่วงท่วมท้น
ราวกับมันกำลังจะระเบิดออกมา
ความตื่นกลัวที่ไม่รู้มันคืออะไร
เริ่มก่อขึ้นลึกๆอยู่ในใจ กับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเอง
สายตาที่เลกลักไปมาพร้อมกับสมองที่กำลังคิดถึงทางออกให้กับตัวเองพาลไปสบตากับสายตาที่อยู่ห่างไกล
แต่อยู่ๆ
จิตใจที่สั่นไหว
เส้นเลือดที่สูบฉีด
รันรั้นรัวสนั่นจนน่ากลัว
เสียง
ตึกตัก ข้างในตัวกล้องกังวาน
มันแทบล้นทะลักออกมา
ต้องการปลดปล่อยเสียเหลือเกิน
ร่ากายไม่อาจกั้นความรู้สึก
สติที่อยู่ลึกๆเริ่มขาดหาย
ร่างกายเริ่มวุ่นวาย
ต้องการคลาย
โดยชายเธอ
สายตาที่แช่งแข็ง
ด้วยบุรุษผมแดงชาดชายตรงหน้า
สายตาที่ส่งกลับมา
มันรุมเร้า เร้าร้อนเกินทน
สติพยายามดึงกลับ
แต่ยิ่ง ขัด ก็เหมือนยิ่ง ขืน
มันไม่ยอมกลับคืน
แต่กลับลุ้นเร้าต้องการเพิ่มทวี
สติเริ่มจางหาย
อาการไม่อาจปิดมิด
ความรู้นึกคิด
มุ่งเพียงต้องการยุยงเร้าร่างกาย
เส้นเอ็นลำคอที่รัดเกร็ง
ริมฝีปากอวบอิ่มเริ่มแห้งผาก
สั่นละนิดอยู่ตรงหน้า
ชายผมแดง
ที่ยังคงมองกลับมา
ด้วยสายตาที่นิ่งเฉกเช่นเดิม
สายตาเบื้องหลังจับจ้อง
สังเกตพฤติกรรมนายน้อยตรงหน้า
เสียงใหญ่เอยออก
เรียกสติ
ร่างบางกลับเหมือนเดิม
“ คุณแบมแบม ครับ ”
จิตใจขวัญกระเจิง
ด้วยน้ำเสียงอยู่เบื้องหลัง
สติมุ่งกลับมาอีกครั้ง
อันต้องรีบหันสายตานั้นกลับมา
รู้สึกสิ้นคิด
เข้ามาในจิต
ที่มีสติอีกกลับมาอีกครั้ง
กล่าวโทษตัวเองหลายครั้ง
ว่าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร
จิตร่ำลึกเริ่มหวาดกลัว
ด้วยไม่อาจปิดอารมณ์ความต้องการ
พร่ำบอกหา เรียกสติคืนกลับมา
รีบจัดการตัวเองให้ว่องไว
“ เดี่ยวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ หย้าหลุน ”
“ ผมไปเป็นเพื่อนนะครับ ” หย้าหลุน
กล่าวอย่างเป็นห่วง ด้วยร่างบางปกติผิดแปลกไป
“ ไม่เป็นไรครับ”ร่างบางยิ้มให้กลับผู้ดูแลอย่างขอบคุณ
แต่เวลานี้ร่างบางต้องการอยู่คนเดียว ร่างบางก้าวเท้าออกจากงานอย่างเงียบๆ
มุ่งรีบเร่งเข้าห้องน้ำหวังต้องการเพียงใช้น้ำ ชำระหน้าเรียกสติ เมื่ออกมาจากงานได้ร่างบางรีบสาวเท้าให้รีบไวด้วยหวาดกลัวในตัวเองขึ้นทุกที
เสียงฝีเท้า ก้าวด้วยความกลัวกล้องห้องโถง
แทรก ด้วยเสียงเท้าสงบเดินตามหลัง
ในสายตาที่ลุ้นและมุ่งหวัง
เป็นดังใจปราถนาที่ต้องการ
“ หึ ! ”
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
มองเหยื่ออยู่เงียบๆสุดหรรษา
ทุรนทุราย ไปมา
รอกลืนกินเข้ากายตน
บรรยากาศในงานยังปกติ
ประธานยังกล่าวพูดอย่างมุ่งมั่น
แต่เมื่อมีสายสำคัญ
ลูกน้องรับให้เอง
แจบอมในขนาดที่ยังกล่าวอยู่บนเวที
โทรศัพท์ที่ฝากไว้กับลูกน้องก็ดังมา ซองแจรับสายอย่างสุภาพ หน้าตรงหน้า
“ ครับ น้องชินบิ ” แม้คุณหนูตัวไม่อยู่เบื้อง
ก็ยังยิ้มกว้างแสนใจดี
“ คุณพ่อ ละคะ ” เด็กน้อย ชินบิ
กล่าวอย่างตื่นเต้น
“ คุณพ่อ อยู่บนเวทีครับ น้องชินบิ
มีอะไรหรือเปล่าครับ ” ซองแจยังกล่าวยิ้ม ในขนาดที่รู้สึกผิดปกติในสายเสียง
“ คุณแม่ปวดท้อง จะคลอดน้องแล้วคะ !” เด็กหญิง
อิมชินบิกล่าวอย่างตื่นเต้น ด้วยดีใจจะได้เห็นหน้าน้อง ดูเหมือนเด็กน้องคนนี้จะไม่ได้ตื่นกลัวแต่อย่างใด
แม้ตอนนี้กำลังมีน้ำมูกสีเลือดใส ไหลออกช่องคลองของแม่เธอ
“ อะไรนะครับ! ” โทนเสียงลดลงต่ำ
ไม่อยากให้ดังผิดสังเกต ด้วยน้ำตกใจในน้ำเสียงของคุณหนูตัวน้อยที่บอกมา
สายตาของลูกน้อยพยายามส่งสายตาถึงเจ้านายบนเวทีที่กำลังอย่างอารมณ์ดีเหมือน
ปราศรัยก็ไม่ปาน
“
ผมหวังว่าเราจะยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกันและก้าวเดินพร้อมร่วมสร้างสิ่งใหม่ๆเพื่อลูกหลานในอนาคตของเราร่วมกันนะครับ
ขอบคุณครับ” ทันทีที่สิ้นเสียงบนเวที เสียงตบมือก็แทรกขึ้นมาอย่างพร้อม
แจบอมยิ้มปิติ รู้สึกภูมิกับประโยคที่ตะเตรียมมา แม่
ถ้าไม่ติดเป็นมาเฟียตั้งแต่เกิดมาบางเขาอาจจะไปเป็นนักการเมืองก็ได้ อืม จัดว่าน่าสนนะ
แจบอมนึกภาพอยู่กายๆในมาดที่เขาเป็นผู้นำนักการเมือง ให้ตายมันเถอะ
มันดูเท่ไม่น้อยเลยนะ ยิ่งขินบิชอบผู้ชายในเครื่องแบบนักการเมืองอยู่แล้วด้วย แบบนี้ ลูกสาวเขาต้องหลงเขาหัวปักหัวปัม
แน่ อืมๆ
ดูถ้าเขาต้องลงสมัครเลือกตั้งแล้ว
เพราะเขาจะไม่มีทางยอมให้ลูกสาวสุดที่รักคนนี้ไปหลงใคร นอกจากเขาคนเดียวแน่ๆ ไม่
ไม่ทีทางเด็ดขาด ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ลูกสาวคนนี้ของเขา ไปหาผู้ชายคนอื่นเด็ดขาด ท่านแจบอมผู้นี้ไม่ยอม ร่างสูงผู้หลงในตัวลูกสาวกว่าสิ่งอื่นใด
ก้าวลงจากเวที ด้วยแววตาอันมุ่งมั่น
เพื่อจะเป็นคนที่ลูกสาวเขาหลงที่สุดเขาต้องรีบจัดการในเร็ว
เดี่ยวนี้ลูกสาวเขาชอบมีหนุ่มมาพัวพัน พวกนั้นต้องเจอดีเข้าสักวัน
ไอ้พวกหนุ่มฟันน้ำนมเอ๊ย!
เอาแล้วไงมาอีกคน
นึกถึงใครบ้างคนไหม?
คนที่อยู่ห่างไกล
นิสัยขี้หึงขี้ห่วง
เหมือนเขาที่เป็นเอามากอยู่ตอนนี้
มันเป็นโรคติดต่อหรือยังไงเนี่ย?
“ ไง ซองแจ ฉันพูดดีไหม ”
แจบอมที่ถามความคิดเห็นจากซองแจ แม่
ก่อนที่จะสร้างความมั่นใจให้ผู้อื่นมันก็ต้องเริ่มจากคนใกล้ตัวก่อนสิ แต่ดูเหมือนซองแจจะไม่ยินดีกับคำถามที่นายมอบให้
แต่กับกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังออกมา
“ นายครับเมื่อกี้ลูกสาวนายโทรมาบอกว่า
คุณจินยองปวดท้องคลอดครับ ” จากรอยยิ้มอารมณ์ดีบัดนนี้กับชะงักกลางอากาศ
“ ว่าไงนะ”ท่าทีที่เปลี่ยนเร็วอย่างฉับพรัน
ด้วยเหตุการณ์เกิดครั้งนี้นั้นผิดวิสัย
มันคือ
การคลอดก่อนกำหนด
ร่างสูงก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว
สีหน้ายินดีจางหาย
ไม่หันกลับมาทักทาย
จิตใจกังวลขึ้นทันที
แจบอมก้าวเท้าไปพร้อมกับซองแจออกจากงานอย่างรวด
“ ตอนนี้ไปโรงพยาบาลแล้วหรือยัง ” น้ำเสียกล่าวถามลูกน้องอย่างเป็นกังวล
จิตใจเป็นห่วงคู่ชีวิต เพราะร่างของภรรยาของเขาเป็นผู้ชาย
การตั้งท้องจึงเป็นเรื่องยากสำหรับร่างกายที่ไม่คุ้นชินและยิ่งเกิดเรื่องแบบนี้ด้วยแล้ว
โอกาสเป็นตาย มีค่าเท่ากัน
“ ถึงแล้วครับ ”
เขาไม่รู้ว่าต้องควรทำยังไง ร่างสูงรีบเร่งเดินจนแทบจะวิ่งเสียให้ได้
มาดมาเฟียถูกทิ้งเอาไว้อย่างลืมตน มือไม้มันสั่นไปหมดจนต้องกำไว้แน่น
จิตใจมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
น้ำตาที่กักกลั่นไว้ไม่เคยให้ใครเห็นบัดนี้มันกำลังจะเอ่อไหลมาในจิตใจ
ได้โปรด
พระผู้เป็นเจ้า
ได้โปรด ช่วยพวกเขาด้วยอุ้มพระหัตถ์ของพระองค์
ขอให้พวกเขาปลอดภัย
จะแลกด้วยชีวิตของลูกก็ยอม
ตนที่ไม่ค่อยจะเชื่อในสิ่งที่มองไม่เห็น
บัดนี้กำลังพร่ำอธิฐานอ้อนวอน
แม้จะแลกด้วยชีวิตก็ไม่ยอมขอเพียงดวงใจเขาสองคนไม่เป็นไร แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
เพราะ เขา
คือ ความหมายของชีวิต
คือ ครอบครัวที่เขาครวญหา
คือ ผู้ยอมรับหัวใจอันดำมืดและด้านชา
คือ ผู้มอบของล่ำค่าที่สุดในชีวิต
อีกด้านหนึ่ง ร่างบาง
ที่นอนบนเตียงด้วยเสียหอบเหนื่อยวางขาที่อ่าออก สายตาที่เหนื่อยอ่อน
น้ำตาเออไหลด้วยความเจ็บปวด แทบขาดใจ มือบางที่กำผ้าปูเตียงแน่น ผ้าที่คอยซับเหงื่อตามไรผม
อย่างเบามือของเขาข้างเตียงใจกางห้อง
ร่างกายเหนื่อยอ่อนแสนเจ็บปวด
อยากละทิ้งร่างกายปล่อยวาง
แต่ด้วยจิตใจไม่อาจออกห่าง
ด้วยเป็นห่วงลูกน้อยในกายตน
แม้ต้องเจ็บแค่ไหนก็ต้องยอม
เพื่อลูกน้อยมีชีวิตและความฝัน
ต่อให้เสียเลือดเสียเนื้อเป็นลิตรเป็นร้อยวัน
ก็ยอมเจ็บปวดทนแต่ โดยดี
“ ทนไหวไหมครับคุณแม่ ”
คุณหมอที่ยืนอยู่วางขาเอยถามคุณแม่ที่เหนื่อยอ่อน
เพื่อเตรียมชัพพอร์ตการฝ่าตัด ถึงแม้การคลอดจะกินเวลามาได้สักพักประมาน เกือบ สอง
ชั่วโมงแล้ว แต่หากกรณีที่ผู้ให้กำหนดบุตรนั้นไม่อาจทนเจ็บระหว่างคลอด
หรือระหว่างคลอดเกิดมีปัญหาจาการที่เด็กนั้นไม่กลับให้ตรงกลับตำแหน่งได้การฝ่าตัดจึงจำเป็นที่สุดเพื่อรักษาชีวิตของแม่และเด็กเอาไว้
“ ครับ ผมทนไหว ”
ร่างบางตอบกลับอย่างเหนื่อยอ่อนอยู่บนเตียงคลอด แม้จะเคยนอนแบบนี้มาครั้งหนึ่งแล้วแต่มันก็ยังไม่ชินสักที
“ ตอนนี้ช่องคลอดขยายตัวแล้ว เด็กกลับหัว
เรามาพยายามด้วยกันนะครับคุณแม่ อดทนไว้นะครับ ”
คุณหมอกล่าวอย่างให้กำลังใจเติมเปี่ยมหลังจาก
ที่ดูระยะการขยายตัวของช่องคลองที่ดูกว้างพอให้เด็กออกมาได้แล้วนั้นจึงกล่าวให้สัญญาณคุณแม่
พร้อมกับให้กำลังคุณแม่ไม่ให้ถอดใจสะก่อน
“ ผมจะให้สัญณาณ แล้วคุณแม่เบ่งเลยนะครับ ”
ร่างบางพยักหน้าเป็นการรับรู้เพราะหมดแรงจะพูดออกมา
“ เอาละครับ
1 2 อึบ”
เมื่อสิ้นเสียงให้สัญณาณร่างบางจินยองก็เบ่งออกมาสุดกำลังใบหน้านิ่วคิ้วขมวดออกแรงอย่างเติมความสามารถ
แผ่นหลังที่ยกสั่นเกรงเพื่อออกแรงอย่างเติมตัว
มาพร้อมกับความเจ็บที่เพิ่มเป็นเท่าตัว แต่ก็ยังออกแรงให้สุดใจ
แม้ร่างบางจะเบ่งเติมที่สุดแต่ดูเหมือนเด็กน้อยจะไม่มีที่ทางยอมออกมาสักที
เด็กน้อยเอ๊ย
จะรู้หรือไม่ว่าแม่นั้นเจ็บครรภ์แค่ไหนเพื่อเบ่งร่างกายอันใหญ่โตในท้องตน เมื่อคุณหมอที่ดูท่าทีท่าว่าเด็กหัวยังไม่ออกมาสักทีก็รีบให้กำลังใจคุณแม่ทันทีพร้อมกับตั้งจังหวะการเบ่งอีกครั้ง
“ ใจเย็นนะครับ
คุณแม่มารองอีกครั้งหนึ่งนะครับ 1 2 อึบ ”
ร่างบางอ้าปากอย่างเหนื่อยหอบพร้อมกับพยักหน้ารับรู้
เมื่อสิ้นเสียงให้จังหวะของคุณหมอร่างบางก็เบ่งอย่างสุดกำลังอีกครั้ง
โดยมีนางพยาบาลที่ค่อยซับเหงื่อแห่งความเจ็บปวดนี้
“ อ๊าๆ ”
ร่างบางที่ร้องเสียงหลงออกมาอย่างเจ็บปวดในขนาดที่ร่างกายยังรัดเกรงเพื่อให้เด็กน้อยที่น้อยสงบนิ่งอย่างสุขใจผ่านช่องประตูเนื้อมนุษย์นี้ที่แสนแคบไปได้ด้วยดี
เด็กน้อยเอย
จงจำไว้เถอะ
ความฝัน
ความหวัง
ชีวิต
ที่เจ้ามี
มันแลกมาด้วยอะไรบ้าง
เพื่อให้เจ้าได้รู้สึก
แจบอมที่พอรู้เรื่องของภรรยาคู่ชีวิตก็รีบออกไปจากงานด้วยความร้อนร้นในจิตใจลืมเลยว่าเพื่อนเขายังอยู่ในงานแจบอมที่มืออยู่ไม่สุขตบหน้าขาตัวเองเบาๆ ตอนนี้เขาไม่สามารถทำใจให้สงบได้เลย
“ เจ้านายใจเย็นก่อนนะครับ ”
ซองแจที่อดห่วงเจ้านายที่อยู่ด้านหลังไม่ได้กล่าวขึ้นมาอย่างเป็นห่วง
“ จะให้ฉันใจเย็นได้ไงซองแจ
นี่มันคลอดก่อนกำหนดนะ จะเป็นไงบ้างก็ไม่รู้ ”
แจบอมที่กล่าวพร้อมกับพยายามทำให้จิตใจเย็นขึ้น และเมื่อร่างสูงที่เริ่มใจเย็ฯขึ้นก็เหมือนนึกถึงอะไรมาได้
“ ให้ตายสิ
นี่ฉันรีบออกมาจนลืมบอกมาร์คเลยเหรอเนี่ย ”
แจบอมกุมขมับให้กับตัวเองที่จิตใจร้อนร้นลืมมองหาเพื่อน
มือหนาเตรียมหยิบโทรศัพท์เพื่อจะติดต่อหาอีกคนแต่แล้วก็ต้องชะงักให้กับคำพูดของลูกน้องที่อยู่ด้านหน้า
“ คุณมาร์คไม่ได้อยู่ในงานแล้วละครับ ”
ร่างบางเดินอย่างว่องไว
จิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวขึ้นเลื่อยๆ
มือบางยกมือขวากุมอกซ้ายหวังจะช่วยลดความร้อนรุมในจิตสองเก้าเท้าถึงห้องน้ำ
ร่างบางตรงไปที่อ่างล้างอย่างรวดเร็วพร้อมกับรีบใช้มือเปิดกีอกน้ำ สองมือบางสาดน้ำรูปใบหน้าอย่างรวดรเร็ว
มันร้อน
ร้อน
เหลือเกิน
ร่างบางมองหน้าตัวเองในกระจกที่ชุ่มเปียกไปด้วยน้ำ
หยดน้ำที่ไหลลงลำคอขาวริมฝีปากแดงสดที่ยังสั่นไม่หยุดเสียงสายน้ำที่ยังคงไหลจากก๊อก
กระจกที่มีหยดน้ำไหลเหมือนความต้องการลึกของตัวเองอยู่ในใจ ที่ต้องการหลั่งน้ำในกายงามระหง
ความรู้สึกนี้มันอะไรกันเนี่ย?
ร้อนรุม
ลุ่มหลง
ต้องการ
ราคะ
“ ทำไมมันร้อน อย่างนี้ ”
น้ำเสียงที่กล่าวกับตัวเองอย่างสั่นกลัว รีบวักน้ำสาดใส่หน้าตัวเองอย่างรวดเร็ว
“ นายร้อนงั้นเหรอ ”
เสียงที่ดังแผ่วเบาข้างใบหู ชวนร่างบางเสียวซู่ในจิตใจ
มือใหญ่ที่ไล่จากบั้นท้ายกุมหน้าอกซ้ายจากด้านหลัง
ทำให้ร่างบางสั่นเกรงด้วยความาตกใจ
“ อ๊ะ !” ร่างกายที่ว่ายากเกินกว่าจะควบคุมแล้ว
กับยากมากขึ้นเมื่อมือนั้นรูปไล่จากบั้นมาที่หัวใจ
ใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างกับพอใจกับการสัมพัทธ์จากน้ำมือเมื่อครู่
สายตาที่พลิ้วพล่ามั่วจาการสัมพัทธ์ มันช่างปลุกเร้าอารมณ์ผู้พิศมองเหลือเกิน
“ นายชอบให้ฉันสัมพัทธ์มันเหรอ แบมแบม”
เสียงกล่าวเอยลดคอร่างบางกายผิวขาวพร้อมกับพิศใบหน้าเนียนขาวที่เชิดขึ้น
เคลือบเคลิ้มเสียวซ่าไปทั้งตัว เจ้าของกล่องเสียงยิ้มอย่างมีชัยให้กับใบหน้าที่เคลือบเคลิ้มกับการปลุกเร้าในกระจก
เหมือนตกมาจากที่สูง สายตาที่พล่ามั่ว
สติที่เริ่มเลือนหายไปจากการสัมพัทธ์ที่เคลือบเคลิ้มไม่อาจปฎิเสธได้เลยว่ารู้สึกดีแค่ไหน
เบิกตากว้างขึ้นมาอีกครั้ง ให้กับเลื่อนกระจกขนาดใหญ่ ที่ซึ้งปรากฏเรือนร่างบางในสภาพใบหน้าที่เปียกปอน
ริมฝีปากที่อ่าเหมือนเหนื่อยอ่อนซึ้งเคลือบเคลิ้มลุกล่ำสัมพัทธ์ และ
บุคคลที่ร่างบางไม่อยากเจอที่สุด
ผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง
เจ้าของมือที่ลุกเร้าสัมพัทธ์
และลมหายใจที่ลดต้นคอ
คิมมินจุน
“ คุณ ! มินจุน ”
ร่างบางที่เอยอย่างตกใจเสียงหลง กับสภาพน่าสมเพช
ชวนไม่น่ามองและที่ยิ่งไปกว่านั้นร่างบางยังรู้เคลือบเคลิ้มกับมือใหญ่เจ้าของสายตามที่ยากจะหลุดจาการพันธนาการนั้นพ้น
มินจุน
ที่ยิ้มอย่างพอใจกับปฏิกิริยาที่ร่างบางส่งสายตามาให้
เขามาตั้งแต่เมื่อไร
เหตุใดร่างบางถึงไม่รับรู้การมาของเขาเลย
“ ใช่ฉันเอง
ทำไมถึงถลึงตาใส่ฉันแบบนั้นละ ? เมื่อตะกี้
นายยังทำเสียงอ่อยฉันอยู่เลยนะ แบมแบม ” ร่างสูงเอยลดต้นคอเอย่างกระเซ้าเย้าแหย่
ในขนาดที่มีอีกข้างไม่ว่างเปล่า รูปไล่เอวบั้นท้ายเล่น
“ ผม ไม่ได้อ่อยคุณ ปล่อย! ”
ร่างบางที่กล่าวปฎิเสธแข็งพยามดิ้นออกจากมือที่ไม่อยู่สุขนี้
แต่ร่างกายไม่ไปตามสมอง ความรู้สึกไม่เป็นไปตามที่นึกคิด
พยายามดิ้นให้หลุดแต่มันไม่มีแรงเสียนี่แถมยังรู้สึกเคลือบเคลิ้มจนเก็บอาการไม่อยู่อีกต่างหาก
“
หึ งั้นเหรอ แล้วทำไมไม่ดิ้นให้หลุดละ
มือฉันก็ไม่ได้ล็อกนายไว้สะหน่อย ”
มินจุนที่กระเซ้าหย้าแหย่มองร่างบางในกระจกที่ทำใบหน้าเคลือบเคลิ้มตรงกันข้ามกับน้ำเสียงที่แข็งกร้าว
“ นายชอบใช่ไหมละ ที่ฉัน
คลึงบั้นท้ายนายแบบนี้”ร่างสูงที่คลึงบั้นท้ายร่างบางเบา ๆ
ร่างบางที่เชิดหน้าขึ้นชอบใจทั้งๆที่ในใจนั้นไม่ใช่เลย
มันทำอะไรไม่ได้เลย
แม้แต่สีหน้า
ยังไม่เป็นไปตามอารมณ์
มันยังกับยิ่งสุขสม
เมื่อได้ มือนั้นคลึงบั้นท้าย
เสียงใหญ่ยังคงพูดอยู่ข้างหูคอระหง
“ ทำไมไม่ไปละ ฉันไม่รั้งนายไว้เลยนะ ”
มินจุนกล่าวกับร่างบนในกระจกใหญ่ ร่างสูงที่ยังคงกระเซ้าเย้าแหย่ร่างบางในขนาดที่
ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดจากมือใหญ่ก็กลับไร้เลี่ยวแรงงทุกที
“ ถ้านายไม่รีบไป ฉันจะไม่ปล่อยนายไปแล้วนะ ”
ร่างสูงที่พูดเปิดโอกาส ในขนาดที่ยังรูปไล้คลึงบั้นท้ายของร่างบางอยู่เลื้อยๆ ร่างที่ตอนนี้ต่างกลัวอย่างสุดขีดพยายามที่ดิ้นให้หลุดอย่างสุดใจ
พยายามถามในความสงสัยว่าชายร่างสูงจะทำอะไรกันแน่
“ คุณจะ….. อ่ะ อ่า !”
ร่างบางที่กำลังเอยขึ้นถึงสิ่งที่มินจุนกำลังจะทำ
กับร้องครวญครางเสียงหลงปากค้างเร้าชายหนุ่ม ดวงตาเบิกกว้างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ ฉันก็จะทำแบบนี้ไงละ ”
มินจุนที่เลื่อนคลึงจากปั้นท้ายเลือนมือไล่ไปข้างหน้าก่อนจะสอดมือเข้ากางเกงสีดำร่างบาง
พร้อมกับ
จับคลึงจุดเสียวที่สุดของร่างบาง
ร่างบางที่ดวงตาเบิกโพน
อ้าปากค้างด้วยความสั่นกลัว
มือบางจับมือใหญ่ที่คลึงจุดเสียวนั้นหวังพยายามหยุดมือที่นั้นแต่มันกลับไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว มินจุนมองร่างบางในกระจกบานใหญ่
ร่างบางที่ดวงจาเบิกกว้างสั่นกลัวราวกับกำลังวิงวอนขอให้มือใหญ่นั่นหยุดการกระทำนั้นเสีย
แต่หาไม่เลยมันกับจุดฉนวนให้มินจุนอยากลุกเร้ามากขึ้นเลยๆ เลยๆ จนจะอยากกลืนร่างบางไปทั้งตัวตอนนี้เลยร่างสูงที่คลึงจุดเสียวหนักขึ้นเลือนขึ้นลงเร็วขึ้น
“ อ่า อ่า ”
ร่าบางที่ร้องครางเสียงหลงหลังจากที่ร่างสูงพยายมคลึงจุดเสียวเร็วขึ้น
ใครก็ได้
ช่วยด้วย
ป๊าป๊า อาแจ๊ค
ช่วยแบมแบม ด้วย
ร่างบางที่กล่าวขอร้องช่วยเหลืออยู่ในใจทั้งน้ำตา
ด้วยร่างกายหมดเรี่ยวแรงกับการสัมพัทธ์ที่ไม่ต้องการ
“ อ่า ให้ตาย ให้ตายสิ ”
มินจุนที่กล่าวมองกระจกอย่างใจหายในขนาดที่มือยังคลึงจุดเสียวสำคัญ
ที่ขนาดที่ร่างบางเริ่มมีน้ำตานองหน้า
“ เสียงของนายมันช่างเพราะ จริงๆ
เหมือนกับทิฟฟานี่ ไม่มีผิด ” ทันทีที่ร่างสูงกล่าวจบ
ร่างบางก็ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที
หมายความว่ายังไง
ร่างกายที่ตื่นกลัวทั้งสงสัย
มันหมายความว่ายังไงที่ร่างสูงกล่าวมา
“ ใช่ ทิฟฟานี่แม่ของนาย ไง ” มินจุนกล่าวย่ำอีกครั้ง
ทำเอาร่างบางมีน้ำตาไหลเอ่อออกมา นี่เขาคนนี้ทำกับร่างบางแบบนี้แล้วยังเคยทำแบบนี้กับแม่ของตนอีกอย่างนั้นเหรอ
“ อ่า ”
ร่างบางที่ร้องครางด้วยความโมโหทั้งพยายามดิ้นให้หลุดจากมือที่น่ารังเกียจนี่
มันทั้งโกรธ
ทั้งแค้น
เขาคนนี้
กล้าดียังไง
มาทำกับแม่เขาอย่างนั้น
ร่างบางเจอเองยังว่าเจ็บใจแล้ว
แต่การที่ต้องมารู้ว่า ผู้ชายสาระเลวคนนี้
เคยทำกับคุณแม่ สุดที่รักของตนเข้าไปอีก
มันเจ็บยิ่งกกว่า
ม๊าม๊า
ร่างบางที่เอยเรียกหาแม่ในใจเบาๆอย่างเจ็บปวด
ให้ตายแม้ร่างบางจะมีน้ำตานองหน้าอย่างสงสาร
แต่ร่างสูงที่มองร่างบางอยู่บนกระจกใหญ่ กลับเขารู้สึกว่ามันชั่งน่าชวนมองเสียจริง
เหมือนกับกำลังมอง
อดีต
คนรักเก่า
เสียจริงๆ
“ แต่น่าเสียดาย ที่พ่อของนาย
มันดันมาช่วยแม่ของนายทันไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้น
ฉันอาจจะได้ฟังเสียงครวญครางมากกว่านี้ ” ร่างสูงเว้นระยะพูดออกไปก่อนจะกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง
“ แต่เอาเถอะ ในเมื่อมันพลาดไปแล้วก็ชั่งมัน
เพราะยังไงสะ
ครั้งนี้ฉันจะไม่พลาดเป็น
ครั้งที่สอง
แน่นอน ”
ทันทีที่ร่างสูงกล่าวจบ
ก็ช้อนอุ้มร่างบางขึ้นมาทันที ในตอนนี้ร่างบางไม่มีเรี่ยวแรงอะไรอีกแล้ว สองประสาทตีกันรัวทั้งแค้นกลัว
ยกปลอดปล่อยในร่างกาย
“ ใจจริงฉันก็อยากทำมันตรงนี้เลยละนะ
แต่ถึงยังไงสะ นายก็เป็นถึงคุณหนูสกุล หวัง ยังไงสะฉันก็ควรจะให้เกียรตินาย
เสียหน่อย ” มินจุน
อุ้มแบมแบมในอ้อมอกก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำ
โดยมีมือขวาที่ยืนดุ้มเชิงอยู่หน้าห้องน้ำตั้งแต่แรก
ก้มหัวให้เจ้านายเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตามหลังผู้เป็นนายไปอย่างสงบ
______________________________________________________________________________________________________________________
มินจุนอุ้มร่างบางอันไร้เรี่ยวแรงออกมาสู่หน้าประตูลิฟต์นอกเขตพื้นที่รักษาความปลอดภัย
แต่แล้วหย้าหลุนที่เดินมาตามร่างบางด้วยเหตุว่าร่างบางใช้เวลาในห้องน้ำนานเกินไป
แต่มาที่ห้องน้ำก็ไม่พบแล้วจึงออกตามหา มินจุน
ผู้ชายที่เขาไม่ไว้วางใจอุ้มนายน้อยของเขา
“ คุมมินจุน ” หย้าหลุนกล่าวเสียงกร้าว
“ กรุณาปล่อยคุณ แบมแบม ด้วยครับ
”คำขอที่ส่งไปเป็นมารยาทอย่างนั้นถึงอย่างไรก็รู้ดีว่า
ผู้ชายคนนี้ไม่มีทางส่งนายน้อยมาให้เขาแน่ๆ
ยังไงก็ต้องมีการต่อสู้
“ อ่า คนของนายมาแนะแบมแบม จัดการ ”
มินจุนกล่าวอย่างสบายกับการมมาของหย้าหลุน
ก็ไม่เปลี่ยนใจเท่าไรคนหายก็ต้องออกตามหาธรรมดา
ก่อนจะสั่งลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างหลังแล้วเข้าลิฟต์ที่เปิดประตูอออกมาพอดี
เสียงโวกเวก โวยวายของการต่อสูงของสองชายก็ดังขึ้น หย้าหลุนและมือขวาของมินจุน
ต่างแลกหมัดอย่างมีชั้นเชิงก่อนที่หย้าหลุนจะสวนหมัดกับไป
ก็รีบส่งสัญณาณปลายสายที่เสียบอยู่ข้างหูบอก ลูกน้องที่รองอยู่ด้านล่างให้รับรู้
“ มินจุนลักพาตัวนายน้อยรีบไปช่วยเร็ว ”
งูใหญ่คาบเหงื่อสูขใจ
วันนี้มีชัยได้เหยื่อชิ้นงาม
ไม่เหมือนวันวาน
ที่เกือบได้มาแต่พลาดไป
มินจุนก้าวออกจากลิฟต์ โดย มีลูกน้องที่มายืนรองรับ
เสียงโวกเวกโวยวายดังขี้นในลานจอดรถแต่ดูเหมือนงูใหญ่จะไม่มีท่าทางจะสะถกสะท้านแต่อย่างใด
ด้วยรู้ดีว่ามันต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแน่นอน
เขาถึงได้เตรียมคนมาวันนี้เยอะเป็นพิเศษ
มินจุนยังคงเดินอุ้มกระต่ายน้อยร่างบางที่สิ้นฤทธิ์เดินอย่างสบายใจโดยมีลูกน้อยที่เดินตามอารักขา
“ ทิฟ
ยิ่งฉันมองเขาเท่าไรฉันก็ยิ่งคิดถึงเธอ
เสียงครางของเขา
หน้าตาของเขา
มันทำให้อดใจไม่ไหวจริงๆ
เหมือนเธอในตอนนั่น
ตอนที่
ฉับเกือบจะได้ครอบครองเธอ
ถ้าแค่เธอไม่ยอมฉันตั้งแต่ตอนนั้น ลูกชายของเธอ
เขาก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ ถูกย่ำยี่เสียเกียรติแห่ง ผู้ชาย
ฉันไม่อยากทำเขาเลยจริงๆ
แต่เพราะ
เธอ
เลือกมัน
หมอนั่น !
ฉันถึงต้องทำ
เพราะมันบังอาจมาแย่งดอกไม้ ของฉันไป
ดอกไม้ที่ฉันไม่ต้องการ ให้ใครมาลิ้มรองนอกจากฉันคนเดียว
แต่เพราะมันเอาของฉันไป
ฉันถึงต้องขยี้ย่ำยี่ดอกไม้ของมันให้ไม่เหลือซาก
เหมือนที่มันแล้วเธอ ย่ำยี่ความรู้สึกของฉัน
ฉันจะย่ำยี่ลูกมัน ทุกอย่างให้วิญญาณ
ของมันต้องทุกข์ทรมาน
เหมือนที่เธอทำกับฉัน ไงละ
ทิฟฟานี !
เธอโทษฉันไม่ได้นะทิฟ
เธอต้องโทษอีกสายเลือดหนึ่งที่อยู่ในตัวเด็กคนนี้ที่ดันไปเป็นลูกของมัน
นิชคุณ
ผู้ชายที่เธอรัก
ยังไงละ”
ร่างสูงมินจุน
ที่ยังคงอุ้มร่างบ้างในอ้อมกอด พิศมองร่างบาง
พร่ำเพ้อถึงอดีตคนรักที่ตายไปแล้วในจิตใจ ก่อนจะเซาะยิ้มขึ้นมาราวกับอสรพิษ
อสรพิษงูใหญ่ที่ว่าร้าย
ยังไม่เท่า
หัวใจที่ย่ำยี่
เพราะ หัวใจที่โหดร้ายนี้
เมื่อ ย่ำยี่
พิษร้าย
จะ
เท่าตัว
ร่างสูงยังคงเดินรื่นรมไปยัง
รถยนต์คันหรูที่จอดรอเขาอยู่ เสียงเอะอะโวยวายเมื่อกี้ได้เงียบสงบลงแล้ว
ร่างสูงเห็นคนที่ใส่แหวนประจำรุ่นของสกุล หวัง นอนสลบอยู่คาพื้น
ร่างสูงเดินผ่านมองไปด้วยรอยยิ้มที่เติมใบหน้า
รอยยิ้มของงูใหญ่ มันไม่ต่างอะไรกับพิษสงค์ที่พ่นออกมา
เป็นอันแน่ใจได้เลยว่าลูกน้องของเขานั่นได้จัดการทุกข์อย่างเรียบร้อยแล้ว
ร่างสูง มินจุนมั่นใจเหลือเกินว่า ลูกน้องเขาที่เอามาวันนี้ไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว
ก็ถ้าครั้งที่แล้วยังทำได้
ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกลัวพลาดอีก
รอยยิ้มที่ยังยิ้มรื่นรมเย็นยะเยือก
มือที่ยังอุ้มกระต่ายน้อยร่างบาง สองขาที่ก้าวเดินเชื่องเช้าดุจงูเลื้อย เชื่องช้า ไม่รวดเร็ว แต่น่ากลัว
กับหยุด ให้กับภาพอยู่เบื้องตรงหน้า
ริมฝีปากที่เซาะยิ้มชะงักค้าง
สายตาที่คมกริบเบิกกว้างอย่างหน้ากลัว
ภาพฝันหวานที่ มโนไว้
เริ่ม เคืองมั่ว
เมื่อ
ชายราสีห์
ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ใช่
เขา
เห็น
คนของสกุล หวัง สลบอยู่ตรงหน้า
แต่ว่ามันก็รวมถึงคนของเขาด้วยเช่นกัน
“ พอดีผมยังไม่ได้ทักทายคุณในงาน
และแวะมาทักทายคุณเสียหน่อย
สวัสดีประธาน คิม”
ดูเหมือนวันนี้ ชายตรงหน้า คิมมินจุน
คนตรงนี้จะพูดมากเป็นพิเศษ
อย่างน้อยก็กล่าวทักทายที่มากกว่าทุกวัน
นี้คือสิ่งที่ เอ็ดเวิร์ด สัมพัทธ์ได้จาก มาร์ค ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตน
ผู้ยืนจ้องมองงูใหญ่
อย่างไม่เกรงกลัว
อย่างไม่คิดจะไว้ ชีวิต
โทนเสียงอารมณ์ที่เรียบ
วงหน้าที่ไร้รอยย่นของผิวหนังซึ้งแสดงอารมณ์
แต่สายตาดุเดือดแดงกล่ำสุดข่มดุจราชสีห์เจ้าป่ายามโมโห
มินจุนที่กำร่างบางแน่น
เหมือนงูใหญ่ห่วงสิ่งของ
สายตาที่ดุดันจ้องมองอย่างแข็งขันก่อนจะรีบตั้งสติที่ฝันสะลายโดยพรันและตอบโต้
สนทนาต่อทันที
“ สวัสดี ประธานต้วน ”
ร่างสูงงูใหญ่กล่าวอย่างสงบ เหมือนระวังท่าทีคนหน้า ที่มีกระบอกปืนติดตัวมา
นับสิบกระบอกมุ่งที่ตน
ร่างสูงไล่สายตาประเมินเหตุการณ์
สถานการณ์ชั่งแตกต่าง
คนของมินจุนที่มั่นใจมาเป็นอย่างดีกลับนอนสลบคาพื้นจมกลองเลือดไปกับคนของสกุลหวังแทบทุกคน
ลมหายใจที่ขึ้นลงอย่างหนักน่วงพยายามเก็บอารมณ์ที่แทบคั่ง ถ้าไม่ติดว่า
ปลายกระบอกปืนไม่ต่ำกว่า 20 กระบอกของลูกน้องชายชุดดำ
ที่อยู่เบื้องหลังมาร์คพร้อมที่จะปิดชีวิตเขาทันที ที่เจ้านายของพวกสั่ง
“ คุณมาร์ค ”
หย้าหลุนที่วิ่งมาอย่างกระเสือกกระสน หยุด ข้างหลัง มินจุน งูใหญ่ที่หันแลมองด้วยหางตา
เสื้อผ้าที่เติมไปด้วยเหงื่อและคาวเลือด ดูเหมือนมือขวาของมินจุน
ถ้าไม่บาดเจ็บอยู่ก็สิ้นใจไปแล้ว มันยิ่งทำให้งูใหญ่นี้แทบคั่งเข้าไปอีก
ร่างสูงมินจุนยิ้มเยาะออกมาเลื่อนหางตากลับไปมอง มาร์ค อีกครั้ง
“ นายมาทำอะไรนะ มาร์ค ต้วน ”
ตอนนี้มินจุนที่แทบไม่ต่างอะไรกับคนบ้าที่แทบคั่ง สายตา
ที่แข็งกร้าวดุจราวกับคนใกล้บ้าแล้วเติมที
มันเหมือนฝันสะลาย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เฝ้ารอ
เพื่อแก้แค้นคนที่ตายไปแล้ว
“ ก็แค่
” ร่างสู.มาร์ค
กล่าวค้างก่อนจะกล่าวขึ้นอีกครั้ง ทำเอาหย้าหลุนที่ยืนดูสถานการณ์ ถึงกับงง
กับสิ่งที่ร่างสูงพูด
“ มาเอาเหยื่อ ของ ฉัน เท่านั้นเอง ”
“ ฮะ ” มินจุนที่กล่าวออกมาอย่างไม่เข้าใจ
ชายคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ที่แน่มันได้ทำฝันของเขาสะลายไปแล้ว
“ หมายความว่ายังไงครับ คุณ มาร์ค
”หย้าหลุนที่กล่าวอย่างต้องการคำตอบ แม้สถานกรณีแบบนี้จะเดาได้ไม่อยากว่ามัน
คือ
การ
หักหลัง
แต่เขาก็ไม่อยากคิดว่าเพื่อนรักคนสำคัญของนายใหญ่จะทำแบบนี้ได้ลง
ปัง
“ อย่าถามอะไรโง่ๆ ที่นายรู้อยู่แล้ว ”
มาร์คที่กล่าวอย่างสงบ หลังเอ็ดเวิร์ดใช้ปืนยิงที่หน้าขาของ หย้าหลุน ที่กำลังชักปืนออกมา
“ อ๊ะ ” หน้าหลุนทรุดลงกับพื้น
ด้วยสีหน้าเจ็บปวด
แต่พงไม่เท่าร่างบางที่ไร้เรี่ยวแรง
“ นี่นาย หักหลังเพื่อนนายเหรอ มาร์ค ”
มินจุนที่กล่าวอย่างตื่นเต้น หันมองหย้าหลุนที่ล้มลง
“ นั้นมันเรื่องของฉัน”
ร่างสูงที่กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“ ส่งเหยื่อนั้น มาให้ฉันสะ คิมมินจุน
”ร่างสูงที่กล่าวเอยถึงสิ่งที่ต้องการ
เหยื่อ
มินจุนที่จ้องตาเขม่น
เขาไม่ต้องการเสียเหยื่อนี้ไป แต่ประสบการณ์เขามันบอกว่า
หากเขาปล่อยเหยื่อที่หน้าแสนหวานอร่อยนี้ไป โอกาสที่จะเอากลับมามันก็ยังมีอีกครั้ง
แต่มันอาจจะไม่ได้หอมหวานเหมือนตอนนี้แน่ๆ
ลูกน้องของมินจุนที่มีแค่หยิบยกปลายกระบอกขึ้นหันทิศตรงกันข้าม
หันมามองการตดสินใจของนาย
ไม่ว่ามันจะตัดสินใจยังไงก็ชั่ง มาร์ค หรือ
ต้วนอี้เอิ้น
จะไม่รออีกต่อไป
ร่างสูงหยิบปืนพร้อมกับลั่นไกในจังหวะเดียวกัน
ปัง ปัง
จังหวะเดียวกับที่มาร์คลั่นไกออกไป
ลูกน้องที่พักดีของมินจุนที่เห็นท่าว่าเจ้านายตนจะถูกทำร้ายก็หมายลั่นไก
สวนกับก่อนทันทีแต่ช้าแค่เซียววินาที
เอ็ดเวิร์ดที่เห็นทันลั่นมือที่อยู่ในมือตัดคั่วหัวใจ
มินจุนที่ทรุดลงในขนาดที่ยังอุ้มร่างบางมีอุ้มมือกระสุนที่ถูกมุ่งเป้าแทงเข้าไปที่หัวไหลขวาของมินจุน
เลือดที่ไหลกระจายทั้งลักออกมาโดนหน้าร่างบางผิวขาวละเอียดในอ้อมอกงูใหญ่เล็กน้อย
ราชสีห์
งูใหญ่
ต่างแย่งเหยื่อ ดุดัน
ด้วยหมายปองเหยื่อชิ้นเดียวกัน แสนอร่อย
จึงไม่อาจยอมคืนกัน ได้ลงรอย
จำแลกหมัดแลกเคี้ยว เพื่อเหยื่อเป็นของตน
ส่วนเจ้าเหยื่อ
กระต่ายน้อยผิวขาวนั้น
นอนสิ้นฤทธิ์
ทรมาน
ในกายตน
ด้วยไม่อาจ หลบหนี
ไปให้พ้น
ของเงื้อมมือ
สองผู้ยิ่งใหญ่
“ แก
ไอ้มาร์ค ” มินจุนที่ตะโกนจ้อง มองมาร์คทั้งแค้นทั้งเจ็บปวด
เส้นเลือดลำคอรัดเกรงด้วยความโมโห มาร์คที่เดินเข้ามาหามินจุนพร้อมกับช้อนร่างบางในมืองูใหญ่
อย่างไม่สนใจกับคำพ้นพิษของงูใหญ่ที่ยังพยายามปกป้องในเหยื่อน้อยกระต่ายขาว
เมื่อเหยื่อที่สิ้นฤทธิ์อยู่ในอ้อมอกแล้ว
สายตามาร์คและร่างบางสบตากันอีกครั้ง ก่อนที่ร่างสูงจะละสายตาออกมาอย่างไม่แย่แสร้งแต่อย่างใด
และ เดินหันหลังกลับ โดย ไม่สนใจงูฬหญ่ที่กำลังสิ้นฤทธิ์
มาร์คที่สังเกตหย้าหลุนที่กำลังลั่นไกล
ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป กล่าวขึ้น โดย
ไม่ได้หันไปมองปืนที่ยกขึ้นสูงพร้อมที่จะฆ่าเขาในทันที
“ เก็บปืน แล้ว ชีวิตของนาย ดีกว่านะ ”
ร่างสูงที่อุ้มร่างบางในอ้อมอกหันมาลำกระบอกที่ชี้มาทางเขาเล็กน้อย
หย้าหลุนชะงักงไปเล็กน้อยก่อนที่มาร์คจะพูดขึ้นต่อว่า
“ เพราะ
มันยังต้องใช้ไปบอกให้
แจ็คสัน
รู้ว่า
ฉันเตือนแล้ว ว่าอย่าส่งคนสำคัญมา ” ก่อนจะเดินหันหลังกลับไปและไม่หันมองอีกเลย
กระต่ายน้อย เบาะบาง
ราชสีห์
ผู้คงความยิ่งใหญ่
กับ
งูใหญ่ ผู้สิ้นฤทธิ์เคยเกียงไกร
สาม สัตว์ แห่ง
ดงไพร
ขอ จบ
วัฎจักร
แห่ง คาวเลือด
เท่านี้เอย
ร่างสูงที่เดินต่อไปด้วยใบหน้านิ่งโดยยังคงมีกระต่ายน้อยเหยื่อร่างบางอยู่ในอ้อมอก อาจยามปกติร่างบางพงจะรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
เหมือนครั้งหนึ่งที่เคยเป็น ร่างบางอยากรู้เช่นนั้นเหลือเกิน
หากแต่ในเมื่อมันเป็นความจริงก็ต้องยอมรับว่าอ้อมกอดที่โอบอุ้มร่างบางอยู่นั้นตอนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน
มันน่ากลัวเสียจนร่างบางไม่อาจกลั่นน้ำตาแห่งความเจ็บปวดนี้ได้อยู่
น้ำตาใสเอ่อไหลรินออกดวงที่ยังคงจ้องมองคนเชิดคางเดินมุ่งหมายไม่มองตน
มันเจ็บปวด หวาดกลัว ละคนสงสัย
ว่านี่คือ ความจริง
หรือหลอกลวง
ร่างสูงที่รู้ว่าร่างบางจ้อมองอยู่เอยขึ้น
โดยไม่สบตาร่างบางแต่อย่างใด
“ หากนายยังมีสติอยู่
นายพงรู้นะว่าฉันไม่ได้มานี่เพื่อช่วยนาย
แต่มาเพื่อเปลี่ยน
นรกขุมใหม่
ให้นาย
เท่านั้น
ต่อไปนี้
นี่คือ
ขุมนรก
ของจริง
แบมแบม”
_________________________________________________________________________________________________________
ใครเม้น ของให้รวยขอให้สวย5555
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น